เศรษฐีญี่ปุ่นยึดเชียงใหม่พักยาว"ฮอสปีก้าฯ"สบช่องทุ่ม1.3พันล้าน ลุยลองสเตย์แม่แตง
กลุ่มทุนเชียงใหม่ทุ่ม 1.3 พันล้าน ผุดวิลล่า-คอนโดฯหรู "Hospica Villa" ย่านอำเภอแม่แตง รองรับตลาดลองสเตย์ ลุยเฟสแรกกลางปีนี้กว่า 100 ยูนิตรับได้ 300-500 คน เน้นเจาะชาวญี่ปุ่นกำลังซื้อสูง ระบุกลุ่มคอร์ปอเรท-บริษัทขนาดใหญ่สนใจเพียบกว่า 50% เผยเฟสสองเล็งลงทุนสร้างโรงแรม 5 ดาว วาดแผนเป็นโครงการพำนักระยะยาวให้บริการครบทุกด้าน
นายเฉลิมชาติ นครังกุล ประธานกรรมการ บริษัท ฮอสปีก้า ดีเวลลอปเม้นท์จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปัจจุบันชาวญี่ปุ่นกลุ่มลองสเตย์ (การพำนักระยะยาว) ในจังหวัดเชียงใหม่ยังคงขยายตัวเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยพบว่ามีกลุ่มที่ลงทะเบียนอย่างเป็นทางการราว 4,000 คน และที่เข้ามาพักอาศัยอย่างไม่เป็นทางการอีกราว 2,000 คน ซึ่งเมื่อรวมทั้งสองกลุ่มนี้แล้วคาดว่ามีชาวญี่ปุ่นพักอาศัยอยู่ในเชียงใหม่ไม่ต่ำกว่า 6,000 คนมีรายได้จากนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี หรือเฉลี่ยค่าใช้จ่าย 300,000 บาทต่อคนต่อปี ทำให้เห็นศักยภาพทางธุรกิจที่จะรองรับตลาดกลุ่มนี้
ทั้งนี้ บริษัท ฮอสปีก้า ดีเวลลอปเม้นท์ฯซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างกลุ่มทุนท้องถิ่นเชียงใหม่และกลุ่มทุนจากประเทศญี่ปุ่น ได้เตรียมลงทุนก่อสร้างโครงการ "Hospica Villa" บนเนื้อที่ 45 ไร่ ตำบลสันมหาพน อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นโครงการที่พักอาศัยระดับ 5 ดาวรองรับตลาดลองสเตย์กลุ่มญี่ปุ่นโดยเฉพาะมีมูลค่าการลงทุนกว่า 1,300 ล้านบาท โดยจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างเฟสแรกราวกลางปี 2558 นี้
สำหรับโครงการในเฟสแรกอยู่บนเนื้อที่ 11 ไร่ ประกอบด้วยบ้านพักในรูปแบบ วิลล่า 46 ยูนิต และคอนโดมิเนียมโลว์ไรซ์ 60 ยูนิต มูลค่าการลงทุนราว 400 ล้านบาท สามารถรองรับกลุ่มลองสเตย์ได้ 300-500 คน ภายในโครงการจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบทุกด้าน ทั้งศูนย์ดูแลสุขภาพที่จะมีแพทย์และพยาบาลอยู่ประจำ คลับเฮ้าส์ที่มีมาตรฐานสูงร้านอาหาร ช็อปปิ้งเซ็นเตอร์ สปา และส่วนบริการอื่นๆ คาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จในปี 2559
"โครงการ Hospica Villa มีความเด่นชัดคือ เป็นชุมชน (Community) เพื่อการพำนักระยะยาวสำหรับชาวญี่ปุ่นโดยเฉพาะ เป็นสถานที่พักอาศัยที่มีความปลอดภัย สงบ มีความเป็นส่วนตัว อยู่ท่ามกลางธรรมชาติต้นไม้สีเขียว ติดแม่น้ำแตง มีรถรับ-ส่งเข้าออกเมือง ซึ่งมีระยะทางห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ราว 39 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีรถพยาบาลเวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน รวมทั้งมีกิจกรรมพาท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆอีกด้วย"
นายเฉลิมชาติกล่าวว่า ขณะนี้ได้เริ่มทำตลาดด้วยการโรดโชว์โครงการในประเทศญี่ปุ่น กลุ่มเป้าหมายคือ บริษัทและกลุ่มคอร์ปอเรตขนาดใหญ่ของญี่ปุ่น ซึ่งผู้บริหารระดับสูงที่มีกำลังซื้อสูงทั้งที่ยังทำงานและเกษียณแล้ว ส่วนใหญ่ต้องการเดินทางออกมาอยู่อาศัยระยะยาวในต่างประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่คือเป้าหมายหลักที่ชาวญี่ปุ่นรู้จักกันเป็นอย่างดีและมีการบอกต่อกัน ล่าสุดมีชาวญี่ปุ่นให้ความสนใจเกิน 50% ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาในรายละเอียด
สำหรับรูปแบบโครงการในส่วนของวิลล่าและคอนโดมิเนียม ไม่ได้ทำขึ้นมาเพื่อขายหรือเช่า แต่เน้นการขายสมาชิก โดยคนที่จะเข้ามาพักอาศัยภายในโครงการจะต้องสมัครสมาชิกเท่านั้น และจะมีค่าใช้จ่ายรายเดือนรวมค่าอาหารทุกมื้อตามระยะเวลาที่เข้าพัก ซึ่งจากการสำรวจตลาดพบว่าความต้องการที่แท้จริงของกลุ่มลองสเตย์ชาวญี่ปุ่นนั้น ต้องการพักอาศัยอยู่ในสถานที่ที่มีความปลอดภัย สถานที่พักมีคุณภาพดี มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ สามารถใช้ชีวิต และพักผ่อนได้อย่างมีความสุข โดยกลุ่มชาวญี่ปุ่นที่มีกำลังซื้อสูงต้องการสินค้าที่มีคุณภาพสูง และพร้อมที่จะจ่าย โดยแบ่งสัดส่วนสมาชิกที่เป็นบุคคล 60% และกลุ่มบริษัท-คอร์ปอเรต 40%
ขณะที่ในเฟสที่ 2 บริษัทมีแผนลงทุนสร้างโรงแรมระดับ 4-5 ดาว ขนาด 60 ห้องขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับกลุ่มผู้ร่วมทุน
ทั้งนี้มองว่าโรงแรมจะเข้ามาเติมเต็มโครงการให้มีความสมบูรณ์เพื่อรองรับทั้งกลุ่มลองสเตย์ที่ต้องการมาทดลองอยู่ในระยะสั้นๆและกลุ่มบุคคลภายนอกทั่วไปทั้งชาวไทยและต่างชาติ
นายเฉลิมชาติกล่าวต่อว่า แนวโน้มของตลาดลองสเตย์ในจังหวัดเชียงใหม่ จะเป็นเป้าหมายสำคัญสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่น หรือจากประเทศทางตะวันตกที่จะมาพำนักเพิ่มมากขึ้น แต่ปัญหาสำคัญคือ การออกวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีระยะเวลาเพียง 1 ปี และต้องรายงานตัวทุก 3 เดือน จึงมีข้อเสนอว่าควรขยายเวลาการออกวีซ่าจาก 1 ปี เป็น 5 ปี และขยายการรายงานตัวจาก 3 เดือน เป็น 1 ปี เพื่อส่งเสริมนโยบายการเป็นพื้นที่การพำนักระยะยาวของนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจในพื้นที่มีการขยายตัวขึ้นและสามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่ง เช่น มาเลเซีย ที่ให้วีซ่านักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ในระยะเวลาถึง 10 ปี
นายเฉลิมชาติ นครังกุล ประธานกรรมการ บริษัท ฮอสปีก้า ดีเวลลอปเม้นท์จำกัด
ชุมชน "แดนปลาดิบ" ห้วยแก้ว-ช้างคลาน-นิมมานฯ
จังหวัดเชียงใหม่ มีแรงดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มลองสเตย์ชาวญี่ปุ่นหลายประการ ด้วยเพราะมีจุดแข็งและจุดเด่นทางภูมิประเทศ บรรยากาศ ค่าครองชีพไม่แพง ที่สำคัญคือความมีน้ำใจของคนไทย วิถีชีวิตที่เรียบง่าย จึงทำให้คนญี่ปุ่นทั้งวัยทำงาน และผู้เกษียณอายุ เลือกที่จะมาอยู่อาศัยในเชียงใหม่กันมากขึ้น
ขณะที่ชาวญี่ปุ่นส่วนหนึ่งที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรมลำพูน ก็เลือกที่จะพักอาศัยอยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่เช่นกัน โดยใช้วิธีเดินทางไปกลับเชียงใหม่-ลำพูน รวมถึงเชียงใหม่ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวก สอดคล้องกับวิถีชีวิตชาวแดนอาทิตย์อุทัย
ทั้งนี้ การขยายตัวของ "ชุมชนชาวญี่ปุ่น" ในเชียงใหม่ในปัจจุบัน มีการขยายตัวไปตามถนนหลายเส้น โดยมีโครงการที่พักอาศัยและธุรกิจบริการลงทุนรองรับจำนวนมาก
ที่ผ่านมาชาวญี่ปุ่นจะนิยมเลือกพักอาศัย และใช้ชีวิตทั้งในย่านถนน "ห้วยแก้ว"และ "นิมมานเหมินท์" เป็นทำเลต้น ๆ ของเชียงใหม่ เพราะมีการลงทุนทางด้านอสังหาริมทรัพย์รองรับ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม อีกทั้งยังมีแหล่งช็อปปิ้งขนาดใหญ่และทันสมัยหลายแห่ง และมีโรงพยาบาลที่ทันสมัยรองรับชาวต่างชาติโดยเฉพาะ นอกจากนั้นยังมีร้านอาหารญี่ปุ่นตั้งอยู่ 3-4 ร้าน ร้านกาแฟ ฯลฯ
ขณะที่ "ถนนช้างคลาน" นับเป็นอีกย่านหนึ่งที่ชาวญี่ปุ่นเลือกเป็นที่พักอาศัย โดยมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ประเภทคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นจำนวนมาก รวมถึงเป็นทำเลท่องเที่ยวยอดนิยมของเชียงใหม่ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกอยู่มาก นับเป็นทำเลใจกลางเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของเชียงใหม่