7 ข้อคิดจาก Warren Buffett ที่คุณต้องอ่านให้ได้

7 ข้อคิดจาก Warren Buffett ที่คุณต้องอ่านให้ได้

7 ข้อคิดจาก Warren Buffett ที่คุณต้องอ่านให้ได้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ถ้าคิดจะเป็นนักลงทุน คงไม่มีใครไม่รู้จักชายที่ติดอันดับหนึ่งในมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลกทุกปี ผู้มีนิสัยสมถะ และรักการลงทุนในหุ้น จนกลายศาสดาของเหล่านักลงทุนแนวเน้นคุณค่าอย่างทุกวันนี้ บางคนก็เรียกเค้าว่า “เทพที่ยังมีชีวิต” ด้วยผลตอบแทนทบต้นจากการลงทุนในหุ้นย้อนหลัง 20 ปี เฉลี่ยปีละ 23% จะหาใครที่พอร์ตการลงทุนได้กำไรสม่ำเสมอ และมั่นคงได้อย่างเขาคนนี้คงหายไม่ง่ายอีกแล้วในโลกยุคนี้

วันนี้ ผมขอพาไปดูแนวคิดของ Warren Buffett 7 ข้อ ที่ทำให้เรารู้จักเขา และสามารถนำไปต่อยอดทั้งเรื่องการลงทุนและการใช้ชีวิตของเราครับ

“I will tell you how to become rich. Close the doors. Be fearful when others are greedy. Be greedy when others are fearful.”

“ผมจะบอกคุณให้ว่า ทำอย่างไรถึงจะรวย ปิดประตูซะ แล้วจงกลัวเวลาที่คนอื่นกำลังโลภ จงโลภเวลาที่คนอื่นกลัว”

นี่คือหนึ่งในคติการลงทุนที่ยอดฮิตที่ใครหลายๆคนอ้างอิง แน่นอนว่า คนกล่าวคำพูดนี้คนแรกก็คือปู่วอร์เรน บัฟเฟต สาเหตุที่บัฟเฟตบอกเช่นนี้ เพราะเขาค้นพบความจริงที่ว่า คนส่วนใหญ่ถูกอารมณ์ตลาด (Market Sentiment) ครอบงำ จนทำให้ขาดความเป็นกลางไป และทำให้การตัดสินใจผิดพลาด การจะประสบความสำเร็จได้นั้น นักลงทุนต้องเลิกทำตามคนอื่น ต้องแตกต่างและยึดมั่นในหลักการประเมินมูลค่าหุ้นของตัวเอง

“I don’t look to jump over seven-foot bars; I look around for one-foot bars that I can step over.”

“ผมจะไม่พยายามกระโดดข้ามรั้วที่มีความสูง 7 ฟุต แต่ผมจะมองไปรอบๆแล้วหาที่ที่รั้วสูงแค่ 1 ฟูตแล้วเดินข้ามมัน”

คตินี้ แสดงให้เห็นหลักคิดที่ว่า บัฟเฟตไม่เสี่ยงทำอะไรในทันทีและมีความรอบคอบในการประเมินสถานการณ์รอบข้าง โดยจะเลือกทางเลือกที่เป็นไปได้มากที่สุด ง่ายที่สุด พูดอีกมุมหนึ่งก็คือ เขาไม่ฝืนกำลังตัวเอง ไม่เสี่ยงเกินตัวนั้นเอง

“It takes 20 years to build a reputation and five minutes to ruin it. If you think about that, you’ll do things differently.”

“มันอาจจะใช้เวลาถึง 20 ปีในการสร้างชื่อเสียง แต่ใช้เวลาเพียงแค่ 5 นาทีในการทำลายมันลง ถ้าคุณคิดได้อย่างนี้ การกระทำของคุณก็จะต่างไปอย่างสิ้นเชิง”

ชื่อเสียง บารมี ที่เกิดขึ้น ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วข้ามคืน แต่มันเกิดจากการบ่มเพาะสิ่งดีๆเล็กๆน้อยๆให้เกิดขึ้นสม่ำเสมอ การลงทุนที่ดีในระยะยาวก็เช่นกัน มันต้องใช้เวลาครับ แต่หากเราประมาททำสิ่งที่อาจเสี่ยงเสียชื่อเสียงเพียง 1 ครั้ง มันสามารถพังทำลายสิ่งที่เราสร้างมาให้หายไปได้ทันที ถ้ารู้ว่ามันไม่คุ้มแบบนี้ คุณยังจะเลือกหุ้นเสี่ยง หุ้นปั่น ที่อาจมาทำลายพอร์ตการลงทุนที่สร้างมาอย่างยาวนานจริงๆหรอ?

“Long ago, Ben Graham taught me that ‘Price is what you pay; value is what you get.’ Whether we’re talking about socks or stocks, I like buying quality merchandise when it is marked down.”

“นานมาแล้ว เบนจามิน เกรแฮมสอนผมว่า ราคาคือสิ่งที่คุณจ่าย แต่คุณค่าคือสิ่งที่คุณได้มา ไม่ว่าเราจะพูดถึงการซื้อถุงเท้า หรือ หุ้น ผมชอบที่จะเลือกซื้อสินค้าที่มีคุณภาพในช่วงที่ตลาดกำลังลดราคา”

สำหรับการลงทุนแล้ว บัฟเฟตมองว่า หุ้นก็เหมือนสินค้า ที่นักลงทุนควรแสวงหาและซื้อมาในช่วงที่กำลังลดราคา เพราะไม่ว่า คนจะซื้อหุ้นที่ราคาถูกหรือแพง คุณค่า หรือมูลค่าของหุ้นนั้นก็ยังคงเดิม ดังนั้น มันจะไม่ดีกว่าหรือ ถ้าเรารอจังหวะซื้อหุ้นในช่วงที่ราคาถูกแทน

“Wall Street is the only place that people ride to in a Rolls Royce to get advice from those who take the subway.”

“วอลสตรีท คือ ที่ที่เดียวที่คนขับรถโรลส์-รอยซ์ไปขอคำแนะนำจากคนที่ขึ้นรถไฟใต้ดิน”

บัฟเฟตกำลังจะบอกว่า หากโบรกเกอร์ซื้อขายหุ้นเหล่านั้นเก่งในการลงทุนจริงๆ ทำให้เขายังเป็นโบรกเกอร์ขายหุ้น? ทำไมเขาไม่รวยหุ้นไปแล้ว? ดังนั้น การลงทุน นักลงทุนที่ได้รับคำแนะนำหรือข้อมูลจากหลายแหล่ง สุดท้าย ถ้าจะเชื่อใคร ก็ควรเลือกเชื่อการตัดสินใจของตัวเองมากกว่าจะเชื่อจากคนอื่น

“The investor of today does not profit from yesterday’s growth.”

“นักลงทุนในวันนี้ จะไม่ได้กำไร จากการเติบโตของบริษัทที่เกิดขึ้นเมื่อวาน”

หมายความว่า การเห็นภาพอดีตอันสวยหรู ผลประกอบการอันสวยงาม มันไม่ได้เป็นหลักประกันในการสร้างผลกำไรให้นักลงทุนได้เลย สิ่งที่เราต้องทำก็คือ การคาดการณ์ไปในอนาคตว่ามันจะยังดีขึ้นไปเรื่อยๆหรือเปล่า

“Someone is sitting in the shade today because someone planted a tree a long time ago.”

“ใครบางคนกำลังนั่งอยู่ใต้ร่มเงาในวันนี้ ก็เพราะใครบางคนได้ปลูกต้นไม้ต้นนี้ไว้เมื่อนานมาแล้ว”

บัฟเฟต ถือว่าเป็นศิษย์ที่ยกย่องครู และถ่อมตัวอยู่ตลอดเวลา การที่เขาประสบความสำเร็จในการลงทุนได้ทุกวันนี้ เขาให้เครดิตครูของเขา และไม่ลืมที่จะแบ่งปันความสำเร็จให้คนรอบข้างที่เดินทางมาด้วยกัน ซึ่งถือเป็นสิ่งที่นักลงทุนในปัจจุบันน่าเอาเป็นแบบอย่างนะครับ

จบไปแล้วสำหรับข้อคิดการลงทุนดีๆ 7 ข้อที่ผมชอบและคัดมาฝากท่านผู้อ่าน หลักการเหล่านี้ นอกจากนำไปใช้ในการลงทุนแล้ว มันยังมีนัยที่ลึกซึ้งและเป็นประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตอีกด้วย ขอให้มีความสุข และประสบความสำเร็จในการลงทุนถ้วนหน้านะครับ



แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook