มีลูกบอกลูก! คปภ.แนะแนวป้องกันปัญหาทำบัญชี "เงินฝาก" แต่กลายเป็น "ซื้อประกัน"

มีลูกบอกลูก! คปภ.แนะแนวป้องกันปัญหาทำบัญชี "เงินฝาก" แต่กลายเป็น "ซื้อประกัน"

มีลูกบอกลูก! คปภ.แนะแนวป้องกันปัญหาทำบัญชี "เงินฝาก" แต่กลายเป็น "ซื้อประกัน"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปัญหาการได้รับข้อมูลไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการทำธุรกรรมการเงินยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยปัญหาอีกหนึ่งรูปแบบที่พบบ่อยที่สุดคือ มีผู้ต้องการฝากเงินแบบบัญชีเงินฝากประจำกับธนาคาร แต่มารู้ภายหลังว่ากลายเป็นการทำประกัน เมื่อถอนเงินแล้ว กลับพบว่าไม่สามารถรับเงินเต็มจำนวน

กรณีนี้คุณกาญจนา แสมขาว ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโสฝ่ายกำกับผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต สำนักคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวพร้อมแนะนำข้อปฏิบัติสำหรับประชาชนเพื่อป้องกันปัญหาทำประกันโดยผิดพลาด


จากที่มีพนักงานธนาคาร หรือเจ้าหน้าที่ขายประกันต่างๆมาเสนอขายประกันโดยอธิบายว่าเป็นประกันที่อยู่ในรูปแบบเงินออมมีจริงหรอไม่?

ต้องขอเรียนในเบื้องต้นว่าตัวกรมธรรม์ประกันชีวิตจะให้การคุ้มครองใน2 กรณี 1.คุ้มครองการเสียชีวิต 2.คุ้มครองการอยู่รอด เมื่อผู้ทำประกันภัยมีชีวิตอยู่จนครบกำหนดสัญญาตามที่กรมธรรม์ประกันภัยระบุไว้ ก็จะได้รับเงินผลประโยชน์ตามที่กรมธรรม์กำหนด ซึ่งดูจากลักษณะของการจ่ายผลประโยชน์ จะคล้ายคลึงกับการออมเงิน โดยคนขายประกันอาจจะพูดให้ผู้ฟังจนเข้าใจคลาดเคลื่อนไปได้ว่าเป็นเงินออม

คือจริงๆ กรมธรรม์ประกันชีวิตรูปแบบนี้ ถูกออกแบบให้ตรงกับความต้องการของประชาชนทั่วไป เพราะฉะนั้นความคุ้มครองจะมีหลากหลายมาก ความคุ้มครองอาจจะเป็นแบบตลอดชีพ อันนี้คือประชาชนประสงค์ที่จะได้รับการคุ้มครองตลอดชีวิต คือเสียชีวิตเมื่อไหร่ บริษัทก็จะจ่ายผลประโยชน์ให้ ระยะเวลาประกันภัยก็จะยาว หรือบางคนอยากต้องการความคุ้มครองในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เมื่อครบกำหนดก็จะได้เงินไปก้อนนึง ก็จะมีความคุ้มครอง 10 ปี หรือ 20 ปี อันนี้จะเรียกว่าเป็นแบบสะสมทรัพย์


มีข่าวออกมาว่ามักมีเจ้าหน้าที่พนักงานธนาคารเสนอขายประชาชนโดยอธิบายว่าเป็นเงินออม แต่กลายเป็นทำประกันชีวิต ปัญหานี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?

ประการแรกก็คือตัวโปรดักประกันชีวิต ถ้าหากยกเลิกก่อนครบกำหนดสัญญาที่ทำไว้ ยืนยันได้เลยว่าจะไม่ได้รับเงินเต็มจำนวน ต้องอยู่จนครบกำหนดสัญญา เพราะฉะนั้นเวลามีคนมาเสนอขายบอกว่าเป็นเงินออม โดยมีการคุ้มครองประกันชีวิตด้วย ขอให้เข้าใจไว้เลยว่านั่นคือผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต

เพราะฉะนั้นเข้าใจในเบื้องต้นแล้วว่าเป็นผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต และเจ้าหน้าที่กำลังเสนอขายให้ คงต้องสอบถามรายละเอียดว่าระยะเวลาประกันภัยครบกำหนดเมื่อไหร่ ? ชำระเบี้ยเมื่อไหร่ ? ชำระกี่ปี ? เพื่อทำความเข้าใจและดูกำลังของตัวเองด้วยว่าจะชำระเบี้ยได้จนครบกำหนดเวลาหรือไม่ ส่วนตัวผลประโยชน์ของกรมธรรม์ตรงตามความต้องการหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้เราเข้าใจข้อเท็จจริงมากยิ่งขึ้นว่าเรากำลังทำอะไรอยู่


พนักงานขายประกันจะได้รับอบรมจากบริษัทขายประกันโดยตรงก่อนที่จะออกภาคสนามหรือไม่?

จริงๆใบอนุญาตจะต้องผ่านการสอบจากสำนักงานคปภ. ว่ามีความรู้เกี่ยวกับเรื่องตัวประกันชีวิตและประกันวินาศภัย สำนักงานคปภ.จะเป็นคนสอบ ถ้าผ่านก็จะออกใบอนุญาตให้ แล้วก็ไปขาย ส่วนในเรื่องการอบรมของการขายผลิตภัณฑ์ของแต่ละบริษัท ตัวบริษัทประกันชีวิตและบริษัทประกันวินาศภัยจะเป็นคนอบรมให้


ตลอดช่วงที่ผ่านมามีผู้คนมาร้องเรียนขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับการออมเงินแต่กลับเป็นการซื้อประกันบ้างหรือไม่?

ก็มีบ้าง ซึ่งถ้าหากท่านใดทำไป แล้วเกิดปัญหาขึ้นมา อยากให้มาร้องเรียนที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เราก็จะหาข้อเท็จจริงว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ถ้าสาเหตุเกิดมาจากการขายที่ผิดพลาด คปภ. จะช่วยดำเนินการและหาทางช่วยเหลือ


รูปแบบการทำประกันในรูปแบบเงินออมระยะสั้นเป็นอย่างไร ?

จริงๆแล้ว ไม่อยากให้ใช้คำว่าเงินออม อยากจะบอกว่ามันคือผลประโยชน์ความคุ้มครองการอยู่รอดของการประกันชีวิต อย่างที่บอกระยะสั้นเนี่ย มันเป็นแบบสะสมทรัพย์ คือถ้าหากพวกประกันภัยแบบสะสมทรัพย์ จะให้ความคุ้มครองในกรณีที่ผู้ทำประกันภัยเสียชีวิตภายในระยะเวลาที่กำหนด ก็จะได้ผลประโยชน์ตามระบุในกรมธรรม์ไป หรือว่าผู้ประกันภัยมีชีวิตอยู่รอดครบกำหนดสัญญาที่กำหนดไว้ก็จะได้ผลประโยชน์ตามที่กรมธรรม์กำหนดไว้เหมือนกันเขาก็จะกำหนดระยะเวลาประกันภัยเป็น 10ปี 20ปี แล้วแต่กรณี


แตกต่างจากระยะยาวอย่างไร ?

ส่วนใหญ่ระยะยาว จะเป็นการคุ้มครองการเสียชีวิตตลอดชีวิตของผู้ทำ จะคล้ายกับลักษณะที่ว่า เป็นการซื้อความคุ้มครองเพื่อเป็นมรดกให้กับลูก ซึ่งคนเราถ้าอยากจะเก็บเงินสักก้อนให้กับลูก โดยที่ผู้ทำเองก็ยังไม่ทราบว่าตัวเองจะเสียชีวิตเมื่อไหร่ โดยมีความมุ่งหมายที่จะเก็บเงินให้ได้หนึ่ง เราก็ไม่แน่ใจว่าเราจะได้มั้ย แต่การทำประกันชีวิตอย่างเช่นเราอยากจะมีเงินให้กับลูกสัก 5ล้าน เราก็สามารถไปซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ ที่ทุนประกัน 5ล้านบาท เมื่อพ่อ-แม่ เสียชีวิตไปลูกก็จะได้รับทุกประกันตัวนั้นไป 5 ล้านบาท


ทำไมต้องถึง 90ปี เพราะบางคนมองว่าถ้ารู้แต่แรกคงไม่ทำ

เพราะมันเป็นกรมธรรม์แบบตลอดชีพ จุดประสงค์คือซื้อไว้เผื่อผู้ประกันภัยเสียชีวิตก็จะมีเงินเผื่อไว้ให้ลูก เพราะฉะนั้นความคุ้มครองจึงยาวมาก ที่จริง 90ปีนี้สั้นลงมาแล้ว ในอดีต 99ปี แต่ในลักษณะที่เอาไปขายต้องบอกว่าเป็นการขายที่ผิดวัตถุประสงค์ของผู้ซื้อ ไม่ใช่ว่ากรมธรรม์ประกันชีวิตแบบ90ปีมันจะไม่ดี แต่มันอยู่ที่วัตถุประสงค์ของผู้ซื้อ ถ้าผู้ซื้อต้องการเก็บเงินไว้เป็นมรดกให้กับลูกหลาน ก็สมควรที่จะซื้อกรมธรรม์ลักษณะนี้ เพราะฉะนั้นก่อนที่จะซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิต ควรจะศึกษารายละเอียดข้อตกลงความต้องการให้ชัดเจนให้ตรงกับความต้องการของตัวเอง


สรุปได้ว่า ประชาชนที่โดนหลอกให้ซื้อไปในลักษณะนี้แสดงว่าเป็นลักษณะระยะยาว?

ใช่ค่ะเป็นกรมธรรม์ระยะยาว ซึ่งถ้าผู้ประกันภัยที่ซื้อไปอายุเยอะๆแล้วก็ไม่มีวัตถุประสงค์ที่จะเก็บประกันภัยเอาไว้ให้ลูกหลานก็ไม่สมควรจะซื้อ


ถ้าคนที่ซื้อไปแล้วเค้าไม่ได้สังเกตว่าในใบกรมธรรม์นั้นมีอะไรบ้าง ถ้าเซ็นไปแล้ว จะสามารถร้องเรียนอะไรได้หรือไม่ ?

ก่อนอื่น เคสส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้น มันจะเกิดขึ้นที่ธนาคาร พนักงานธนาคารเป็นคนขายแล้วบอกว่าเป็นเงินออม ทำให้คนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นการฝากเงิน ซึ่งการซื้อประกันชีวิตนี้จะต่างกับการฝากเงินกับธนาคาร เพราะถ้าจะซื้อประกันชีวิตได้เนี่ย ผู้ประกันภัยต้องเขียนใบคำขอเอาใบประกันชีวิต เป็นการแถลงสุขภาพ แถลงประวัติของตัวเอง เพื่อให้บริษัทนั้นไปพิจารณาว่าจะรับประกันชีวิตหรือไม่

เพราะฉะนั้นถ้าหากไปธนาคารก็อยากจะฝากไว้ว่า ถ้าพนักงานธนาคารเอาอะไรมาให้เซ็น ควรจะสังเกตซักนิดนึง เพื่อไม่ให้เราคิดว่าเป็นการฝากเงินแต่กลับกลายเป็นซื้อประกันชีวิตไป ก็ให้สังเกตซักนิดนึงว่าพนักงานธนาคารเอาอะไรมาให้เซ็นอ่านให้ละเอียด อันนี้ก็จะเป็นขั้นตอนแรกที่อาจจะไม่ถูกการเสนอขายที่ผิดพลาดและเกิดผลเสียกับตัวผู้ประกันภัย


ถ้าพนักงานเอามาเสนอขาย แล้วในใบกรมธรรม์ระบุไว้อย่างหนึ่ง แล้วพอเอาเข้าจริงๆมันมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขไปได้หรือไม่ ?

ในกรมธรรม์มันเปลี่ยนเงื่อนไขไม่ได้ เพียงแต่ว่าถ้าพนักงานเสนอขายกับในตัวกรมธรรม์ที่ออกมาไม่เหมือนกันเนี่ย สามารถยกเลิกกรมธรรม์ได้ภายใน 15วัน ผู้ประกันภัยจะได้รับค่าเบี้ยประกันภัยคืนนะคะ แต่อาจจะมีการถูกหักค่าใช้จ่ายฉบับละ 500บาท ถ้าชำระเบี้ยไป20,000 ก็จะได้คืน19,500 บาท ประมาณนี้ก็คือจะถูกหักค่าใช้จ่ายฉบับละ500 ทุกฉบับค่ะ


มีข้อเตือนใจคนในปัจจุบัน รวมถึงข้อเสนอแนะต่างๆเกี่ยวกับการทำกรมธรรม์ต่างๆ ?

ที่อยากจะฝากไว้เพราะว่าตอนนี้ทางธนาคารก็ได้ใบอนุญาตเป็นนายหน้านิติบุคคลแล้วเค้าสามารถขายตัวโปรดักประกันชีวิตได้ แล้วก็อยากจะให้สังเกตนิดนึงเวลาไปธนาคาร ถ้าพนักงานธนาคารบอกว่า มีรูปแบบการออมเงินแบบใหม่ให้ผลตอบแทนเท่านั้นเท่านี้ ก็อยากให้สังเกตนิดนึงว่าเป็นการซื้อประกันชีวิตหรือเปล่า เพราะว่าข้อร้องเรียนที่เกิดขึ้นมาเนี่ย เกิดจากพนักงานธนาคารอาจจะพูดข้อมูลไม่ครบถ้วน แล้วก็จะเป็นผลเสียต่อผู้ประกันภัย และอาจจะทำให้ภาพพจน์ของธุรกิจประกันภัยไม่ค่อยดี ซึ่งจริงๆมันไม่ใช่

ตัวกรมธรรม์ประกันชีวิตเนี่ยมันมีประโยชน์ ถ้าผู้ซื้อ ซื้อตรงตามความต้องการของตัวเองเนี่ยก็จะมีประโยชน์มาก เพราะฉะนั้นในกรณีที่เป็นการซื้อประกันชีวิต ก็อยากให้สังเกตว่าข้อตกลงความคุ้มครองยังไง ระยะเวลาความคุ้มครองเท่าไหร่ ระยะเวลาชำระเบี้ยเท่าไหร่ เพื่อให้ตัวเองนั้นได้พิจารณาว่ามีความสามรถในการชำระเบี้ยให้ครบที่กรมธรรม์กำหนด ผลประโยชน์ก็จะได้รับตามที่กรมธรรม์กำหนด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook