แบ่งเบาภาระมารดา! จ่าย400บาทให้เด็กเกิด ช่วง 1ต.ค.58-30ก.ย.59 ตีปี๊บหน่วยงานเร่งดู

แบ่งเบาภาระมารดา! จ่าย400บาทให้เด็กเกิด ช่วง 1ต.ค.58-30ก.ย.59 ตีปี๊บหน่วยงานเร่งดู

แบ่งเบาภาระมารดา! จ่าย400บาทให้เด็กเกิด ช่วง 1ต.ค.58-30ก.ย.59 ตีปี๊บหน่วยงานเร่งดู
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รองโฆษกรัฐบาลแจง รัฐเร่งทุกหน่วยเตรียมพร้อมรับนโยบายดูแลเด็กแรกเกิดในครอบครัวยากจนจ่ายเงินเดือนละ 400 บาทให้เด็กที่เกิดระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 58 ถึง 30 ก.ย. 59 เชื่อแบ่งเบาภาระแม่และหนุนให้ลูกได้รับบริการสุขภาพอย่างต่อเนื่อง

พลตรีสรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษก ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ารัฐบาลเดินหน้าโครงการจ่ายเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดในครอบครัวยากจน โดยมอบเงินช่วยเหลือจำนวน 400 บาท ต่อคน ต่อเดือนเป็นเวลา 1ปี สำหรับเด็กที่เกิดระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 58 ถึง 30 ก.ย. 59 ซึ่งเป็นนโยบายที่รับผิดชอบโดย กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

ทั้งนี้ได้เร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้แก่ อสม. อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(อพม.) บ้านพักเด็กและครอบครัว อปท. ทั่วประเทศ รวมทั้งสำนักงานเขตดำเนินการประชาสัมพันธ์และให้คำแนะนำแก่หญิงตั้งครรภ์ในพื้นที่ให้มาเข้าร่วมโครงการ และให้ดำเนินการเตรียมการเรื่องการดูแลและติดตามจ่ายเงินอุดหนุนให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้คุณแม่ที่ตั้งครรภ์และมีกำหนดที่คลอดบุตรในช่วงดังกล่าวสามารถมาลงทะเบียนใช้สิทธิ์ ได้ โดยมีเอกสารที่ควรเตรียมได้แก่ สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็ก สูติบัตรเด็กแรกเกิด(นำมายื่นหลังจากคลอดบุตร) และแบบรับรองสถานะครัวเรือน และ ใบลงทะเบียนรับรองสิทธิ


โดยในต่างจังหวัดดำเนินการผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ เทศบาล และ อบต. และในเขตกรุงเทพมหานยื่นที่สำนักเขตตามทะเบียนบ้าน เช่นเดียวกับการสนับสนุนเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ

“เป้าหมายสำคัญของโครงการนี้คือ การสนับสนุนให้คุณแม่ได้ดูแลสุขภาพบุตรอย่างเป็นมาตรฐาน เพราะจะต้องนำบุตรไปตรวจร่างกาย รับวัคซีนให้ครบถ้วนตามช่วงอายุด้วย จึงจะได้รับเงินอุดหนุนจำนวน 400 บาทต่อเดือนทุกเดือน จนทารกอายุครบ 1 ปี อีกทั้งการนำบุตรไปพบแพทย์จะทำให้คุณแม่ได้รับคำแนะนำด้านสุขภาพอนามัยและการเลี้ยงดูบุตรไปในตัว ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเลี้ยงดูบุตรได้อย่างมีคุณภาพ เพื่อเติบโตเป็นกำลังสำคัญของประเทศ ส่วนเงินอุดหนุนเป็นเพียงผลพลอยได้ส่วนหนึ่งเท่านั้น”

พลตรีสรรเสริญกล่าวต่อว่า คาดว่าจะมีเด็กแรกเกิดประมาณ 135,768 คน ในโครงการ และ หลังจากจบโครงการจะมีการประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการอีกครั้ง เพื่อประเมินความเหมาะสมในการดำเนินโครงการในระยะต่อไป

ทั้งนี้ในเบื้องต้น คุณสมบัติของครอบครัวที่จะได้รับเงินอุดหนุนคือ มีรายได้ต่ำกว่า 3,000 บาทต่อคนต่อเดือน ไม่มีที่ดินทำกิน หรือ มีภาวะพึ่งพิง ได้แก่ ในครอบครัว มีคนพิการ ผู้สูงอายุ เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีในปกครอง เป็นพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว เป็นต้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook