Cat Care Thailand โรงแรมแมวของสาววัยใส
“โรงแรมแมว” ปัจจุบันเมื่อได้ยินธุรกิจแบบนี้คงไม่แปลกใจกันแล้ว เพราะเริ่มมีให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ถ้าบอกว่าโรงแรมแมว Cat Care Thailand เจ้าของธุรกิจเป็นนักศึกษาและเริ่มทำมานานตั้งแต่เธออยู่ปี 1 จนตอนนี้กลายเป็นธุรกิจที่เลี้ยงดูเธอและคุณแม่ เชื่อว่าหลายๆ คนอาจจะสนใจอยากรู้จักหญิงสาวคนนี้แล้ว
วารี ดรรชนีพิพัฒน์ เริ่มทำธุรกิจนี้ตั้งแต่เริ่มเรียนปริญญาตรีใบแรก จนในตอนนี้เธอกำลังเรียนปริญญาตรีใบที่สองให้กับตัวเอง จุดเริ่มต้นมาจากการที่เธอชอบเลี้ยงและรักเจ้าแมวเหมียวมาก วันหนึ่งเมื่อครอบครัวจะไปเที่ยวต่างจังหวัดจึงเอาแมวไปฝากเลี้ยงชั่วคราว แต่หลังจากที่เพียรหาสถานที่รับฝากเฉพาะแมวอย่างเดียวแล้วพบว่าไม่มีเลย จะมีก็แต่ที่รับฝากสัตว์เลี้ยงทั่วไป ที่เลี้ยงทั้งสุนัขและแมวด้วยกัน ซึ่งสัตว์สองประเภทนี้ไม่ค่อยถูกกันเท่าไหร่นัก จึงตัดสินใจว่าน่าจะลองเปิดโรงแรมรับฝากเลี้ยงเฉพาะแมวขึ้น โดยเริ่มต้นใช้พื้นที่ในบ้านของตัวเองก่อน
“เริ่มต้นไม่กี่พันบาท ลงทุนซื้อกรงเอาไปตั้งอยู่ในห้องๆ หนึ่งทำเป็นห้องเฉพาะแมวเลย แล้วทำเว็บไซต์เอง โดยการไปซื้อหนังสือมาก่อน พอเรามีเว็บไซต์ก็เข้าไปคุยโพสต์โน่นนี่ จนติดเซิร์ชเอนจินอันดับหนึ่ง เริ่มมีคนสนใจ กลายเป็นว่าซื้อมา 6 กรง ลงทุนไม่กี่พันบาท แต่คืนทุนเร็วมาก เพราะเราทำตอนสงกรานต์พอดี”
แม้จะได้รับการตอบรับมีคนนำแมวมาฝากเลี้ยงเรื่อยๆ ไม่ขาดสาย แต่แน่นอนว่า ความอ่อนด้อยในประสบการณ์การทำธุรกิจ ทำให้วารีเจอสารพัดปัญหา เช่น แมวป่วยบ้าง มีคนเอาแมวมาทิ้งบ้าง รวมถึงคิดค่าบริการถูกไปเพียงคืนละ 80 บาทเท่านั้น นั่นเป็นเพราะเธอคำนวณต้นทุนไม่เป็น แต่ทั้งหมดนี้ ถือเป็นการลองผิดลองถูกและได้เรียนรู้การทำธุรกิจบนความผิดพลาดเหล่านั้น
“คือตอนนั้นเรายังเด็ก ไม่ค่อยรู้เรื่องธุรกิจ ก็ค่อยๆ ละเอียดขึ้นเรื่อยๆ อย่างอาหารแมวบางทีเทแล้วเหลือ แมวก็จะไม่กินแล้วเพราะไม่หอม ก็เลยเริ่มเก็บข้อมูล ถ้าตัวนี้เคยมามีข้อมูลอยู่แล้ว ว่ากินแบบนี้ก็ให้เท่านี้ อย่างราคาก็มีการปรับขึ้น แต่ก็ไม่เท่าโรงพยาบาลสัตว์ เพราะเราไม่เอาเปรียบผู้บริโภค เข้าใจว่าคนที่มาฝากคือไม่มีเวลาว่างจริงๆ คนรักแมวไม่มีใครอยากเอาแมวมาฝากคนอื่นเลี้ยงอยู่แล้ว ตอนนี้มีราคาตั้งแต่กรง 100 บาท จนถึงห้องวีไอพี 500 บาท”
ความสำเร็จของโรงแรมแมว ไม่เพียงแต่จะกลายเป็นธุรกิจที่เลี้ยงดูครอบครัวของวารีเท่านั้น หากยังทำให้เธอมีกำลังพอที่จะขยับขยายธุรกิจนี้ออกไป จากเดิมที่ใช้ที่บ้านของตนเองซึ่งอยู่ในหมู่บ้าน ก็ลงทุนออกมาเช่าตึกแถวติดริมถนน เพื่อความสะดวกสำหรับผู้ที่จะนำมาฝาก และกั้นห้องได้มากกว่าเดิม โดยนอกจากกรงแล้วก็ยังมีห้องวีไอพี 4 ห้อง ขณะเดียวกัน จากความคุ้นเคยก็เกิดความไว้วางใจ ทำให้มีลูกค้าประจำมากขึ้น และเริ่มฝากเลี้ยงนานวันมากขึ้น
“มีความก้าวหน้ามากขึ้น แต่เราทุนน้อย แล้วยังเรียนอยู่ก็ค่อยๆ ลงทุน ไม่ได้ทำทีเดียวทั้งหมด ลูกค้าประทับใจแม่ เพราะรักแมวจริง บางคนทุนหนากว่าเราจะทำแค่ไหนก็ได้ แต่เรื่องเดียวที่เขาเอาไปจากเราไม่ได้คือการคุยกับลูกค้า ความเป็นมิตร บางคนคุยเรื่องแมวกับที่บ้านไม่ได้เพราะที่บ้านไม่อยากให้เลี้ยง เขาก็มาคุยกับเรา แล้วก็สบายใจ ไม่ใช่แค่มาฝากแล้วจบ ถ้าว่างก็จะถ่ายรูป คลิป อัพขึ้นเฟซบุ๊ก เจ้าของแมวก็จะได้ดูทั้งของตัวเองและแมวของคนอื่นด้วย”
ความก้าวหน้าของวารีไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น ปิดเทอมที่ผ่านมาเธอยังไปเรียนการกรูมมิ่งแมว เพื่อที่จะแบ่งพื้นที่ในส่วนหนึ่ง ทำเป็นกรูมมิ่งเล็กๆ ของแมว
อย่างไรก็ตาม ด้วยโรงแรมแมวเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง วารีจึงคิดที่จะสร้างความแตกต่างให้กับตนเอง เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับโรงแรมแมวของเธอ ด้วยการเริ่มต้นจากทำอาหารมื้อพิเศษที่เป็นอาหารสด ซึ่งโชคดีที่วารีเข้าเรียนในโครงการ Beta Young Entrepreneur ของมหาวิทยาลัยหอการค้า จึงขอทุนจากมหาวิทยาลัย 2 หมื่นบาท ทำวิจัยอาหารแมว ไม่เพียงเท่านั้น ญาติที่เลิกกิจการทำร้านอินเทอร์เน็ต มีคอมพิวเตอร์เหลือมากมาย วารีจึงมีไอเดียจะเอาจอแอลซีดีมาติดกับกำแพงห้องแมว เพื่อเปิดวิดีโอให้แมวดู อันเป็นการลดความเครียดเพิ่มความเพลิดเพลินให้กับแมววิธีหนึ่ง
“ที่คิดเอาไว้คือจะเอาพวกปลาแซลมอนมานึ่ง แล้วราดซอสเพื่อบำรุงขน ทำแบบไม่มีรสชาติเพราะแมวจะได้ไม่เป็นโรคไต สมมุติแพ็กเกจห้องเดิม 500 บาทก็จะบวกราคาเพิ่มขึ้นแล้วฟรีอาหารเย็นมื้อพิเศษ เป็นอาหารทำเอง นี่คือจุดเด่นซึ่งที่อื่นยังไม่มี เพราะส่วนใหญ่ให้อาหารเม็ดกันมากกว่า”
ดูเหมือนว่าหลังจากทำธุรกิจของตนเอง ความเป็นผู้ประกอบการก็ฝังเข้าไปอยู่สายเลือดของวารีซะแล้ว ดังนั้น เมื่อถามถึงเป้าหมายในชีวิตหลังจากเรียนจบ วารีจึงตอบกลับมาอย่างหนักแน่นว่า จะพยายามทำธุรกิจนี้ต่อให้ดีที่สุดและขยายร้านให้ใหญ่ขึ้น แต่อาจจะหาประสบการณ์เพิ่มโดยการไปเป็นลูกจ้างดูบ้าง เพื่อจะได้เอาประสบการณ์นั้นมาคิดต่อยอดธุรกิจ เพราะเชื่อว่าประเทศไทยหาเงินไม่ยาก แต่อย่างเดียวที่ต้องทำคือต้องคิดไม่เหมือนคนอื่น