ด้วยความปรารถนาดี...หนุ่มญี่ปุ่นเตือนคนไทย ระวัง "ตกงาน" เพราะเฟซบุ๊ก

ด้วยความปรารถนาดี...หนุ่มญี่ปุ่นเตือนคนไทย ระวัง "ตกงาน" เพราะเฟซบุ๊ก

ด้วยความปรารถนาดี...หนุ่มญี่ปุ่นเตือนคนไทย ระวัง "ตกงาน" เพราะเฟซบุ๊ก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายอากิฮิโระ โทมิคาว่า นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นผู้เดินทางมาเมืองไทยเป็นประจำ และเป็นที่รู้จักในวงกว้างจากเหตุตำหนิการให้บริการของสนามบินสุวรรณภูมิและแท็กซี่สนามบิน จนเกิดการตรวจสอบครั้งใหญ่ ล่าสุด นายอากิฮิโระ ได้เล่าข้อคิดที่น่าสนใจ ถึงวัฒนธรรมการรับคนเข้าทำงานของชาวญี่ปุ่น โดยระบุว่า

สำหรับวัยรุ่นที่กำลังหางานทำในญี่ปุ่นนะครับ เมื่อวันก่อน ผมได้รับข้อความจากชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งผมจะเรียกว่า A นะครับ เขาบอกว่า 

"ผมได้สัมภาษณ์งานที่ญี่ปุ่น และพวกเขาบอกผมว่า ′ตัดสินใจอย่างไม่เป็นทางการ′ ผมเลยเตรียมตัวจะไปญี่ปุ่น แต่เมื่อสักครู่ บริษัทก็ปฏิเสธที่จะจ้างผม"
ผมโมโหที่บริษัททำแบบนั้นกับเขา ผมเลยโทรหาบริษัท แต่บริษัทพูดแค่ว่า "เรามีการตรวจสอบด้วยตัวเอง และเราก็ไม่สามารถจะบอกเหตุผลได้ว่าทำไมถึงปฏิเสธเขา"
A เล่าว่าคนที่สัมภาษณ์ของบริษัทบอกกับเขาว่า "เราต้องการคุณ กรุณามาที่ญี่ปุ่น" ถึงอย่างนั้น สุดท้ายแล้วเขาก็ถูกปฏิเสธ ทำไมละครับ?

ปัจจุบันบริษัทญี่ปุ่นหลายบริษัทต้องการคนรุ่นใหม่ของไทยที่จบมหาวิทยาลัยเข้าทำงาน ผมดีใจนะครับ ในฐานะที่ผมก็รักเมืองไทยคนหนึ่ง เวลาที่ผมเห็นเด็กวัยรุ่นไทยทำงานที่นี่ ผมก็รู้สึกดี แต่ทำไมบริษัทถึงปฏิเสธ A? ผมจึงขอดูเฟซบุ๊กของเขา

ผมก็ไม่สามารถจะพูดได้นะครับว่าในเฟซบุ๊กเขามีอะไร แต่พูดได้แค่ตอนที่ผมเห็น ผมก็ตกใจและ "ฮืมมมมมมม"
(ผมไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขาเป็นใครนะครับ ผมจึงไม่สามารถจะบอกได้ว่าคืออะไร)

ผมก็ไม่รู้ว่าที่บริษัทปฏิเสธเหตุผลเพราะเฟซบุ๊กหรือเปล่า แต่ก็ไม่น่าจะมีเหตุผลอะไรนอกจากนี้ ผมจำได้ที่บริษัทบอกผมคำหนึ่ง "เราจะตรวจสอบมากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้" บางทีทางบริษัทอาจจะหาข้อมูลทางอินเตอร์เนตก็ได้ครับ

ผมจึงอยากบอกวัยรุ่นไทยนะครับ "ให้ระวัง" จนกว่าจะได้งานทำ

ผมทราบว่าคนไทยบางคนก็ใช้ชื่ออื่นในเฟซบุ๊ก แต่บริษัทญี่ปุ่นก็ตรวจสอบอย่างมากครับ ถึงจะเป็นคนไทยแต่บริษัทก็ตรวจสอบเหมือนคนญี่ปุ่นครับ

อย่างธนาคารบางแห่งของญี่ปุ่นเก็บข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าอย่างที่สุด พวกเขาจึงตรวจสอบภูมิหลังอย่างมาก บริษัทส่วนใหญ่จะไม่บอกว่าครับว่ามีวิธีตรวจสอบอย่างไร

ผมเลยถามเพื่อนคนหนึ่งที่ทำงานบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง"แน่นอนว่าเราหาชื่อจากอินเตอร์เน็ตตามปกติ แต่เราจะหามากกว่านั้น" เขาบอกผมแบบนั้น

ผมก็ไม่รู้ว่าบริษัทต้องการจะทราบเรื่องไหน เพื่อนผมบอกแค่ "แล้วแต่บริษัท บางบริษัทก็ดูความสัมพันธ์ของแฟน งานอดิเรก หลักการทางศาสนา"

ผมคิดว่าโลกโซเชียลมีประโยชน์มากครับ แต่อีกด้านก็อันตรายมากเช่นกัน เวลาที่เรามีความสุข หรือเสียใจ ผมว่าเราก็อยากโพสต์ลงเฟซบุ๊กครับ แต่ว่าเอาไว้หลังจากได้งานทำแล้วจะดีกว่าครับ

ระวังกันด้วยนะครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook