สุวิทย์ แก้วจันทร เนรมิตกะลามะพร้าวเป็นโคมไฟ

                         

บนเพดานในห้องแสดงสินค้าแห่งหนึ่ง เราจะเห็นโคมไฟสีทอง สาดแสงไฟออกมาตามรูรอยแกะสลักสวยงามตระการ ซึ่งแต่ละชิ้นใช้เวลาผลิตด้วยมือนานนับเดือน นอกจากมันจะราคาแพง ยังผลิตไม่ทันยอดสั่งจองลูกค้า

“โคมไฟกะลามะพร้าวติดผนังของเรา เป็นงานแฮนด์เมดทั้งหมดครับ แต่ละชิ้นใช้เวลาแกะสลักนานนับเดือน จากนั้นทาสีทอง โดยทำจากมะพร้าวลูกใหญ่ซึ่งสั่งตรงมาจากภาคใต้บ้านเรา ส่วนมะพร้าวลูกเล็กสั่งมาจากภาคเหนือ ส่วนใหญ่ก็นำมาทำเป็นโคมไฟระย้า ที่ต้องใช้ลูกมะพร้าวหลายลูกแกะสลักเช่นเดียวกัน เป็นงานละเอียดอ่อน ต้องใช้เวลาในการผลิตค่อนข้างมาก ” สุวิทย์ แก้วจันทร์ เจ้าของผลิตภัณฑ์กะลาทองคำ บอกถึงที่มาของโคมไฟติดผนังที่เขานำมาออกบู๊ธแสดงสินค้า ที่เมืองทองธานี

สุวิทย์ บอกว่า โคมไฟกะลาทองคำ ถือเป็นเทรนด์แต่งบ้านหรู ที่ออกแบบดีไซน์เอง ลูกค้าที่ซื้อไปมีทั้งร้านอาหาร บ้านจัดสรร นักธุรกิจ รวมทั้งลูกค้าต่างประเทศจีน อิตาลี ออสเตรเลีย เยอรมันฯลฯ ก็ซื้อไปตกแต่งบ้านให้ดูหรูหรา น่าอยู่ยิ่งขึ้น

                            

“นอกจากโคมไฟติดเพดาน เรายังทำโคมไฟตั้งพื้น ที่ให้ความผ่อนคลายทางสายตา แล้วก็หมวกโคมไฟ ซึ่งอันหลังนั้นทำยาก มักต้องใช้เวลานับเดือนแกะสลัก โดยอาศัยแรงงานชาวบ้านในชุมชน จ.แพร่ ทำให้ชาวบ้านมีรายได้ขั้นต่ำประมาณ 200 บาทต่อวัน“

                              

สุวิทย์ ยอมรับว่า ผลิตภัณฑ์ทำจากกะลามะพร้าว มีคนทำกันมาก โดยส่วนใหญ่เป็นชิ้นงานเล็ก ๆ เช่น นาฬิกา กรอบรูป ทัพพี สร้อยคอ ฯลฯ จึงเป็นเรื่องไม่น่ากลัวอะไรเลย เพราะไม่ใช่ตลาดคู่แข่งกลุ่มเป้าหมาย ดังนั้นธุรกิจโคมไฟกะลาทองคำจึงไปได้สวยในขณะนี้ อีกทั้งยังเป็นสินค้าแปลกตา ที่แม้แต่ฝรั่งยังทึ่งที่คนไทยสามารถเอาวัสดุไร้ค้ามาแปรรูปเป็นเงินหมื่นได้ไม่ยาก

                            

สามารถชมผลงานโคมไฟกะลาทองคำได้ที่ จตุจักรพลาซา ห้อง 56 ซอย 4 โซน B โทรศัพท์ 08-5038-3049, 08-2383-4030 สุวิทย์ แก้วจันทร์ พร้อมให้การต้อนรับทุกเมื่อ