การเงินต้องรู้ ก่อนตัดสินใจซื้อรถ
เมื่อเรากำลังจะตัดสินใจซื้อรถสักคัน นอกจากพิจารณาถึงความจำเป็นในการใช้งานแล้ว ก็หนีไม่พ้นที่คุณจะต้องนำเรื่องเงินๆ ทองๆ มาประกอบการพิจารณาด้วยค่ะ เรื่องเงินๆ ทองๆ ที่ต้องรู้มีเรื่องอะไรบ้าง ติดตามได้เลยค่ะ
1. ซื้อเงินสด หรือเงินผ่อน แบบไหนดีกว่ากัน
เห็นด้วยมั้ยคะว่า รถคันหนึ่งก็มีราคาตั้งแต่หลักแสนไปจนกระทั่งถึงหลักล้าน น้อยคนที่จะมีเงินก้อนขนาดนั้นอยู่ในมือ คนส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะผ่อนจ่ายเสียมากกว่า แต่หากว่าคุณมีเงินก้อนถึงราคาของรถ และเป็นเงินก้อนที่ไม่ใช่เงินที่กันไว้สำหรับเรื่องฉุกเฉินจำเป็นอื่น ๆ หรือคุณไม่สามารถนำเงินก้อนนี้ไปหาการลงทุนให้ออกดอกออกผลได้มากกว่าดอกเบี้ยเงินกู้รถได้ (เช่น เป็นเงินก้อนที่อยู่ในบัญชีออมทรัพย์นิ่งๆ เฉยๆ) ให้คุณนำเงินก้อนนี้มาซื้อรถจะดีกว่าค่ะ เพราะจะได้ไม่ต้องมีภาระดอกเบี้ยจ่ายให้ธนาคารยังไงล่ะคะ
2. ดาวน์ต่ำ ผ่อนน้อย ระยะนาน กับ ดาวน์สูง ผ่อนเยอะ ระยะสั้น อย่างไหนดีกว่ากัน
ใครที่ยังมีรายได้ไม่สูงมากอาจจะชอบใจกับการกู้เงินซื้อรถที่ดาวน์ต่ำ ให้ผ่อนได้เดือนละน้อยๆ และให้ผ่อนนานๆ แต่ข้อเท็จจริงที่แฝงอยู่เบื้องหลังเงื่อนไขนี้ก็คือ ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายตลอดสัญญาจะสูงขึ้นไปพร้อม ๆ กันด้วยค่ะ เมื่อลองมาคิดเสร็จสรรพดูอีกที ก็จะพบว่าเสียดอกเบี้ยให้ธนาคารไปเป็นแสน หรือราคาเฉียดครึ่งหนึ่งของราคารถเข้าไปแล้ว จนรู้สึกเสียดายเงิน ซึ่งมาคิดได้ตอนนี้ก็ช้าเกินไปเสียแล้ว หากคุณกำลังพิจารณาหาสถาบันการเงินเพื่อกู้เงินมาซื้อรถแล้วล่ะก็ ขอให้ดูระยะเวลา จำนวนเงินในการผ่อน และดอกเบี้ยให้ดี ดาวน์สูง ผ่อนเยอะ ทำให้ปลดหนี้ได้เร็วกว่าและดอกเบี้ยไม่โหดเท่าไหร่ ดังนั้นคำนวณรายจ่ายตัวเองดีๆ นะคะ ว่าจะเลือกจ่ายแบบไหนดีกว่ากัน
3. เรื่องต้องรู้ก่อนกู้ และค่างวดที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือน
เหตุผลที่ดาวน์ต่ำ ผ่อนน้อย ระยะนานเสียดอกเบี้ยแพงกว่า ก็เพราะว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับซื้อรถนั้นเป็นอัตราคงที่ หรือ Flat rate ค่ะ คือรวมเงินต้นและดอกเบี้ยเข้าด้วยกัน แล้วจึงแบ่งเป็นรายงวด จึงเท่ากับว่ายิ่งระยะผ่อนนาน คุณก็ยิ่งจ่ายดอกเบี้ยมากขึ้นเท่านั้น (ไม่เหมือนผ่อนบ้านที่อัตราดอกเบี้ยเป็นแบบลดต้นลดดอก)
ยกตัวอย่างเพื่อความเข้าใจ หากคุณต้องการซื้อรถราคา 650,000 บาท ดาวน์ไปแล้ว 150,000 บาท ต้องกู้เพิ่มอีก 500,000 บาท เงื่อนไขจากสถาบันการเงินคิดดอกเบี้ย 4% ต่อปี ระยะผ่อนชำระ 5 ปี (หรือ 5×12 = 60 เดือน) คุณจะคำนวณเงินผ่อนที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือนได้ด้วยวิธีนี้
จำนวนเงินผ่อนต่อเดือน = [วงเงินที่กู้ + (วงเงินที่กู้ × อัตราดอกเบี้ย% × จำนวนปีผ่อนชำระ)] ÷ จำนวนเดือนที่ต้องผ่อน
อัตราดอกเบี้ยที่ต้องชำระทั้งสิ้น (4% × 5 ปี) = 20%
ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายทั้งหมดคิดเป็น (500,000 บาท × 20%) = 100,000 บาท
รวมเงินต้นและดอกเบี้ยที่ต้องชำระ (500,000 + 100,000) = 600,000 บาท
เงินที่ต้องจ่ายแต่ละเดือน (600,000 ÷ 60 เดือน) = 10,000 บาท
เท่ากับว่าคุณต้องผ่อนชำระเดือนละ 10,000 บาท โดยเสียดอกเบี้ยเปล่าๆ ให้กับธนาคารทั้งสิ้น 100,000 บาทค่ะ แต่หากคุณต้องการผ่อนน้อยลงโดยเพิ่มจำนวนงวดในการผ่อนมากขึ้น เช่น ยืดเวลาออกไปเป็น 7 ปี โดยที่ดอกเบี้ยปีละ 4% เท่าเดิม เมื่อคำนวณด้วยสูตรเดียวกันแล้ว ก็จะพบว่าคุณต้องผ่อนเดือนละ 7,619 บาท ถูกกว่าเดิมก็จริง แต่ก็ต้องเสียดอกเบี้ยไปให้กับธนาคารถึง 140,000 บาทเลยทีเดียวค่ะ
เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ก็น่าจะทำให้คุณมองภาพการกู้เงินซื้อรถได้อย่างเข้าใจมากขึ้นว่า ยิ่งจ่ายเงินดาวน์ได้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งลดจำนวนเงินกู้ลง และยิ่งเลือกผ่อนแบบระยะสั้นปลดหนี้เร็ว ดอกเบี้ยจ่ายก็จะถูกกว่าค่ะ ดังนั้นพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจก่อหนี้รถนะคะ
หากคุณมีคำถามหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับการวางแผนซื้อรถ สามารถ email มาหานิได้ที่ nipapuntalk@hotmail.com และเช่นเคย สำหรับท่านใดที่นิเลือกเคสมาตอบผ่านทาง Sanook Money จะได้รับหนังสือ ‘เปลี่ยนชีวิตสู่ความมั่งคั่งด้วยการวางแผนการเงิน’ ไปเลยค่ะ แล้วพบกันค่ะ
ผู้เขียน โค้ชนิ นิภาพันธ์ พูนเสถียรทรัพย์ CFP® เจ้าของผลงาน pocket book ‘เปลี่ยนชีวิตสู่ความมั่งคั่งด้วยการวางแผนการเงิน’ ‘มีเงินล้านด้วยการวางแผนการเงิน’ และ ‘อยากรวยต้องรู้จักวางแผนการเงิน’