ปลูกตะไคร้ ไม่ว่าใครก็รวยได้
วันนี้ชี้ช่องรวยได้นำเกษตรกรรมรายได้สูงมาฝากกันอีกแล้ว “ตะไคร้” ผักสวยครัวที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน ฉะนั้นจึงเป็นที่แน่นอนว่ามีความต้องการของตลาดสูง
ส่วนของเหง้าและลำต้นแก่ ใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารที่สำคัญหลายชนิดเช่น ต้มยำ และอาหารไทยหลายชนิด ให้กลิ่นหอม มีสรรพคุณทางยาเช่น บำรุงธาตุ แก้โรคทางเดินปัสสาวะ ขับลมในลำไส้ทำให้เจริญอาหาร แก้โรคหืด แก้อหิวาตกโรค บำรุงสมอง ช่วยให้สมาธิดี ต้มกับน้ำใช้ดื่มแก้อาเจียน ใช้ต้นสดโขลกคั้นเอาน้ำดื่มแก้อาการเมาในกรณีผู้ที่เมามากๆ ช่วยให้สร่างเร็ว
ส่วนหัวสามารถใช้แก้โรคเกลื้อน ท้องอืดท้องเฟ้อ โรคนิ่ว มากไปกว่านั้นยังสามารถทำเป็นยาช่วยนอนหลับ ช่วยลดความดันสูง น้ำมันตะไคร้หอมใช้ทากันยุงได้ ถ้าปลูกใกล้ผักอื่นๆ จะช่วยกันแมลงได้และยังให้กลิ่นหอม ที่ดับกลิ่นบางชนิดใช้ตะไคร้เป็นส่วนผสมเพราะมีกลิ่นที่หอม และที่กำจัดยุงบางชนิดก็ใช้ตะไคร้เป็นส่วนผสมด้วยเนื่องจากมีกลิ่นที่แรงจึงช่วยทำให้ไล่ยุงได้ นอกจากนี้ตะไคร้ยังแก้กลิ่นคาวหรือดับกลิ่นคาวของปลา และเนื้อสัตว์ได้ดีมากๆ
ภาพจาก www.bansuanporpeang.com
สรรพคุณ
ทั้งต้น ใช้เป็นยารักษาโรคหืด แก้ปวดท้อง ขับปัสสาวะและแก้อหิวาตกโรค หรือทำเป็นยาทานวดก็ได้ และยังใช้รวมกับสมุนไพรชนิดอื่นรักษาโรคได้ เช่น บำรุงธาตุ เจริญอาหาร และขับเหงื่อ
หัว เป็นยารักษาเกลื้อน แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ปัสสาวะพิการ แก้นิ่ว บำรุงไฟธาตุ แก้อาการขัดเบา ถ้าใช้รวมกับสมุนไพรชนิดอื่น จะเป็นยาแก้อาเจียน แก้ทราง ยานอนหลับลดความดันสูง แก้ลมอัมพาต แก้กษัยเส้น และแก้ลมใบ ใบสด ๆ จะช่วยลดความดันโลหิตสูง แก้ไข้
ราก ใช้เป็นยาแก้ไข้เหนือ ปวดท้องและท้องเสีย
ต้น ใช้เป็นยาแก้ขับลม แก้เบื่ออาหาร แก้ผมแตก แก้โรคทางเดินปัสสาวะ นิ่ว เป็นยาบำรุงไฟธาตุให้เจริญ แต่ถ้าเอาผสมกับสมุนไพรชนิดอื่น จะแก้โรคหนองใน และนอกจากนี้ยังใช้ดับกลิ่นคาวด้วย
ความคุ้มค่าในการลงทุน
ต้นพันธุ์สามารถซื้อตะไคร้ที่เขาขายตามตลาดมาก็ได้ นำมาแช่น้ำให้รากออก (ใช้เวลาประมาณ 3 วัน) แล้วนำลงปลูก ไม่ต้องลงทุนเพิ่มอีกเพราะสามารถตัดได้ตลอด
สำหรับราคาตะไคร้ประมาณ กิโลกรัมละ 15-30 บาท หนึ่งไร่สามารถให้ผลผลิตได้สูง 1-3 ตันในการเก็บเกี่ยว ใช้เวลาตั้งแต่การปลูกจนถึงเก็บขาย ประมาณ 6 เดือน ปีหนึ่งสามารถทำได้ 2 ครั้ง คิดเป็นเงินแบบต่ำสุดก็ราวๆ 30,000 บาท/ ปี/ ไร่ (15 บาท x 1000 กิ โลกรัม x 2 ครั้งต่อปี) ซึ่งถือว่าทำกำไรต่อไร่ได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว
วิธีการปลูกให้ได้ผลผลิตสูงๆ
ภาพจาก www.bansuanporpeang.com
1. เลือกพันธุ์ที่ดี สำหรับตระไครในบ้านเราที่นิยมปลูกกันมีอยู่ 2 สายพันธุ์ นั่นก็คือพันธุ์พื้นบ้าน และก็พันธุ์เกษตร ซึ่งแนะนำให้ปลูกพันธุ์เกษตรเพราะให้ผลผลิตที่สูงกว่า ลำต้นใหญ่กว่าพันธุ์พื้นบ้าน มีราคาเท่ากัน
2. ตัดใบ (เพื่อลดการคลายน้ำ )และรากของตะไคร้ออก เพื่อเตรียมการปลูก เกษตรกรสามารถที่จะนำต้นตระไคร้แช่น้ำไว้สัก 5 วันก่อนการปลูกเพื่อให้มั่นใจว่าตะไคร้มีรากงอกออกมานั้นแปลว่าปลูกได้ 100 เปอร์เซ็นต์
3. การเตรียมดิน ทำการไถพรวนดินสัก 2 รอบ ยกร่องได้จะดีมากโรยปูนขาวเพื่อปรับสภาพดิน ทิ้งไว้ 5- 7วัน ก่อนทำการปลูก
4. ขุดหลุมสำหรับปลูกต้นตะไคร้ขนาด 25 X25 เซ็นติเมตร (2จอบ) ลึก 25 เซ็นติเมตร นำปุยคอกผสมกับดินคลุกให้เข้ากันปักต้นพันธุ์ตะไคร้ลงดินให้มีลักษณะเอียง 45 องศา ลึก 5 เซนติเมตร จำนวนหลุมละ 2 ต้น
ภาพจาก www.bansuanporpeang.com
5. รดน้ำในช่วงแรกๆ 2-3 วันต่อครั้ง หลังจากตะไครเริ่มงามแล้ว สัปดาห์ละครั้ง แนะนำให้ทำเป็นระบบให้น้ำผ่านทางท่อเพื่อลดการใช้แรงงานและเวลาในการรดน้ำ
6. เมื่อเข้าเดือนที่ 3 สามารถเริ่มให้ปุ๋ยเร่งสูตร 46-0-0 หรือใครที่จะทำเป็นออแกนิกส์ก็เปลี่ยนเป็นปุ๋ยคอก เสร็จแล้วรดน้ำอีกครั้ง
7. เมื่อเข้าเดือนที่ 6 ก็สามารถเก็บขายได้เลย โดย 1 กอสามารถให้ผลผลิตได้ 6-10 กิโลกรัม
สำหรับแมลงศัตรูพืชไม่มีให้มารบกวนแน่นอน เพราะตัวตะไคร้เองมีสารสำหรับไล่แมลงอยู่แล้วหายห่วง แถมลดต้นทุนได้อีกมาก ต้นทุนต่อไร่ให้สูงสุดไม่น่าจะเกิน 3,000 บาท
การตกแต่งตะไคร้เพื่อส่งขาย
ตะไคร้เมื่อตัดมาแล้วใบจะยาวและมีก้านสีน้ำตาลแห้งๆ ติดมาด้วยให้ตัดก้านใบที่แห้งออกให้หมด รวมถึงต้องลอกก้านใบที่อ้าออกมาด้วยให้เหลือแต่ต้นกลมๆ ใบก็ตัดออกครึ่งหนึ่งถ้าตัดแล้วยังไม่ขายสามารถแช่น้ำไว้ได้โดยตั้งต้น ตะไคร้ให้ตรงในภาชนะทรงกระบอก ใส่น้ำพอท่วมกกตะไคร้ตะไคร้จะอยู่ได้ประมาณ 1-2 วันแล้วจึจะแตกราก ถ้าแตกรากแล้วขายไม่ได้ เก็บไว้ทำพันธุ์ขยายปลูกต่อไป
ภาพจาก www.bansuanporpeang.com
ที่มา :
th.wikipedia.org
farmthailand.com
ภาพ :
www.cigna.co.th