หวั่นเลิก"LTF"2.5แสนล.หายวับ "คลัง"ยังไม่ตัดสินใจ-บลจ.ฉายภาพรุนแรงเทียบฝรั่งทิ้งหุ้นไทย
"คลัง" ยังไม่ตัดสินใจต่ออายุแอลทีเอฟ ขอรอบคอบ รอสรรพากรศึกษาก่อนถามรัฐบาลเอาไง สมาคม บลจ.ชี้ต้องชัดเจน ตั้งแต่ต้นปีนักลงทุนชะลอซื้อกองทุนแล้ว หวั่นไม่ต่ออายุเงินลงทุน 2.6 แสนล้าน จะไหลออกรุนแรงเหมือนฝรั่งขายทิ้งหุ้นไทย
นางวรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เปิดเผยว่า ต้องการให้รัฐบาลชัดเจนเรื่องสิทธิภาษีของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) ภายในปีนี้ ก่อนจะหมดอายุในสิ้นปี 2559 เพื่อสร้างความชัดเจนให้กับนักลงทุน เพราะตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมามูลค่าเงินลงทุนในกองทุนแอลทีเอฟอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจเรื่องสิทธิประโยชน์ อย่างไรก็ตาม สมาคมจะไม่เจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีก เพราะถือว่าได้ให้รายละเอียดครบถ้วนแล้ว ทั้งนี้ ในปัจจุบันมีเม็ดเงินในกองแอลทีเอฟมีทั้งสิ้น 2.6 แสนล้านบาท หรือ 25% ของเม็ดเงินในกองทุนหุ้นทั้งหมด หากรัฐบาลยกเลิกสิทธิทางภาษี จะทำให้เงินทั้งหมดทยอยออกไปจากตลาดหุ้นไทยในลักษณะความรุนแรงคล้ายต่างชาติ ขายทิ้งหุ้นไทย
"กรณีที่กรมสรรพากรมีแนวคิดจะขยายระยะเวลาการไถ่ถอน กองทุนแอลทีเอฟจากเดิม 5 ปี เพิ่มเป็น 7 ปี หรือ 10 ปี เพื่อการออมในระยะยาว ถือเป็นทางออกที่ยอมรับได้ เพราะวัตถุประสงค์หลักคือการให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากการออมเงินมากที่ สุด ยิ่งออมนานผลตอบแทนจะยิ่งสูง คาดว่าผลตอบแทนเฉลี่ยจะอยู่ปีละประมาณ 10%" นางวรวรรณกล่าว และว่า สำหรับภาพรวมของอุตสาหกรรมกองทุน คาดว่าภายใน 3 ปี มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (เอยูเอ็ม) ของอุตสาหกรรมจะเติบโตปีละ 10-15% เท่ากับจำนวนบัญชีที่เพิ่มปีละ 10-15% เช่นกัน
นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ฝ่ายนโยบายยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะต่ออายุแอลทีเอฟหรือไม่ ได้ให้กรมสรรพากรดูในรายละเอียดและศึกษาข้อดี-เสีย ความเหมาะสม รวมทั้งรูปแบบการคำนวณภาษีและการลดหย่อนต่างๆ ว่าหากจะมีการยืดอายุจะมีการปรับเปลี่ยนในรายละเอียดอย่างไร หลังจากได้รับข้อมูลจะขึ้นอยู่กับฝ่ายนโยบายว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งน่าจะได้ข้อสรุปก่อนที่จะหมดอายุในปลายปี 2559
"เรื่องการต่ออายุแอลทีเอฟมีความเห็นที่หลากหลายมาก บางส่วนมองว่าในภาวะแบบนี้ต้องการให้ต่ออายุเพื่อสนับสนุนการเติบโตของตลาด หุ้น แต่บางส่วนมองว่าแนวทางนี้เป็นการดูแลคนเฉพาะกลุ่ม ขณะที่บางส่วนมองว่าควรจะรวมสิทธิประโยชน์อื่นๆ เข้าด้วยกัน จึงต้องมีการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและดำเนินการอย่างรอบคอบ" นายวิสุทธิ์กล่าว
นสพ.มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 15 ส.ค.2558