จะลงทุน เลือกลงทุนอย่างไร: จัดการเองหรือให้มืออาชีพจัดการ?
เศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจโลก ที่ชะลอตัวยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจน และเมื่อเกิดสงครามค่าเงินหลังจากจีนประกาศลดค่าเงินหยวนรวดเดียว 3 วันติดเมื่อสัปดาห์ก่อน ส่งผลให้ทั่วโลกตะลึงและจับตามองว่า ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร
โดยเฉพาะเหล่านักลงทุนมือใหม่ หรือ คนที่กำลังคิดจะเริ่มต้นลงทุน ต่างสับสนว่า จะเอาอย่างไรดี จะลงทุนดีไม่ดี จะลงทุนอย่างไร ? ลงทุนในภาวะนี้มีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใด ?
ทั้งนี้เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาวันที่ 14-15 สิงหาคม มีงานเกี่ยวกับการลงทุนที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง คือ งานตลาดนัดกองทุนรวม ซึ่งนักลงทุนที่มีโอกาสไปรวมงานคงได้ประโยชน์ ทั้งจากเวทีสัมมนา และ สำหรับคนที่เตรียมเงินออมเพื่อลงทุนคงได้ ลงทุนกับกองทุนรวมที่ตรงใจกันไปแล้ว
อย่างไรก็ตามสำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ไม่มีโอกาสได้ไปรวมงานครั้งนี้ sanook money เก็บรวบรวมเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่น่าสนใจมาฝากผู้สนใจลงทุนกันครับ
สำหรับภาพรวมทางเศรษฐกิจ บรรดากูรูนักวิเคราะห์ต่างฉายภาพค่อนข้างตรงกันคือ เชื่อว่า เศรษฐกิจโลกยังคงอยู่ในความผันผวน ยังคงต้องจับตาความเสี่ยงต่างๆให้ดี การที่จีนประกาศลดค่าเงินหยวนลงถือเป็นเครื่องมือที่จีนจำเป็นต้องทำ และหากมีความจำเป็นจีนก็พร้อมจะใช้มาตรการลดค่าเงินเพื่อก่อสงครามราคาเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการของตัวเองอีก
ในขณะปัจจัยเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐนั้น ยังเป็นปัจจัยที่ต้องจับตา แต่ก็มีนักวิเคราะห์บางท่านมั่นใจว่า ในช่วงปลายปี นี้ สหรัฐน่าจะขึ้นดอกเบี้ย เพราะต้องการสกัดเงินเฟ้อในประเทศไม่ให้เกิดขึ้น
นั้นหมายถึงต้องระวังในเรื่องเงินทุนไหลออกให้ดีว่าจะกระทบกับสภาพตลาดอย่างไร ส่วนปัจจัยในเรื่องราคาน้ำมัน นักวิเคราะห์เชื่อว่า ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ระดับราคาที่ 80 – 100 เหรียญฯต่อบาเรลเป็นเรื่องที่ยากที่จะปรับตัวขึ้นไปในระดับนั้น แต่ทั้งนี้ ระดับราคาน้ำมันที่ต่ำจะช่วยให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกเพราะต้นทุนของผู้ประกอบการจะถูกลง
อย่างไรก็ตาม สภาพเศรษฐกิจจะอยู่ในสภาพที่เรียกว่า อึดอัดทั้งโลก ทุกคนต่างอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบแต่ไม่มีคนกล้าใช้เนื่องจากยังขาดความมั่นใจอยู่มาก
คำถามที่นักลงทุนสนใจก็คือ ในภาวะแบบนี้ ควรจะลงทุนหรือไม่ และจะลงทุนอย่างไรดี ? แน่นอน ว่า แม้ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกจะดูอึดอัด แต่การลงทุน ก็ยังถือเป็นโอกาสของนักลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนระยะยาว เพราะโดยเฉลี่ยแล้ว ผลตอบแทนในการลงทุนในหุ้น และตราสาร ยังถือว่าให้ผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนประเภทอื่นๆ ไม่ต้องพูดถึงเงินฝาก ที่ปัจจุบันเมื่อหักอัตราเงินเฟ้อแล้วแทบไม่เหลืออะไรเลย หรือบางประเภทติดลบเสียด้วยซ้ำ
ดังนั้นขอแนะนำของบรรดากูรู ต่างชี้ตรงกันว่า สำหรับนักลงทุน หากมีความมั่นใจ สามารถติดตามข่าวสาร และวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆได้ดี สามารถเลือกหุ้น หรือ สินทรัพย์ที่จะลงทุนได้อย่างดี และสามารถตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดไม่ว่าถึงจุดต้องยอมตัดทิ้ง หรือ ถึงจุดที่ต้องขายทำกำไร ก็เข้ามาลงทุนด้วยตัวเอง
แต่หากไม่มีเวลาหรือความพร้อม ข้อเสนอคือ ให้มืออาชีพเข้ามาบริหารแทน นั้นก็คือ การเลือกใช้บริการ กองทุนรวม ที่ปัจจุบันมีถึง 15 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม และมี กองทุนประเภทต่างๆให้นักลงทุนได้เลือกลงทุน เป็นร้อยกองทุน
คำถามก็คือ แล้วจะเลือก ลงทุนในกองทุนรวมอย่างไร ? ข้อแนะนำที่ กูรูแนะนำเป็นข้อสักเกตุเพื่อประกอบการตัดสินใจก็ คือ
-ประเมินตัวเองทำความเข้าใจตัวเองให้ชัดเจนเสียก่อนว่า ชอบการลงทุนแบบไหน ชอบสินทรัพย์แบบไหน มีความพร้อมในการรับความเสี่ยงได้มากน้อยเพียงใด หากรับความเสี่ยงได้มาก อาจจะลงในกองทุนรวมหุ้น ซึ่งให้ผลตอบแทนสูงและเร็วแต่ก็เสี่ยงสูงเช่นกัน หรือ ชอบแบบมั่นคงแต่ได้ผลตอบแทนเป็นระยะแบบน้ำซึมบ่อทรายก็เลือกกองทุนตราสารหนี้เป็นต้น
-เลือกกองทุนของบริษัทหลักทรัพย์จัดการทองทุนที่คุ้ยเคย หรือ ติดตามผลงานมาเป็นอย่างดี จะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น หรือ ตรวจสอบผลงานที่ผ่านมา ว่าการบริหารกองทุนสามารถจ่ายผลตอบแทนได้มากน้อยเพียงใด ทั้งนี้สามารถตรวจสอบเปรียบเทียบผลงานในอดีตที่ผ่านมาได้ อย่างเช่น 20 อันดับกองทุนหุ้นระยะยาวที่จ่ายผลตอบแทนสูงสุดเป็นต้น แต่ทั้งนี้ กูรูย้ำเตือนว่า ผลงานในอดีตไม่สามารถการันตีหรือรับประกันผลงานในอนาคตได้
-ใครคือผู้จัดการกองทุน มีผลงาน และปรัชญาการลงทุนอย่างไร ! สิ่งนี้บรรดากูรูต่างตอกย้ำว่า เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะ ผู้จัดการกองทุน เป็นผู้ที่บริหารเงินออมของคุณ เขาต้องมีผลงานที่เชื่อถือได้ มีวิธีคิดวิธีบริหารการลงทุนที่นักลงทุนมั่นใจ มีหลักการที่สามารถอธิบายได้อย่างดีว่าทำไมถึงเลือกหุ้นตัวนั้นตัวนี้ในการลงทุน อย่างในต่างประเทศจะให้ความสำคัญกับผู้จัดการกองทุนมาก ไม่ว่าเขาจะย้ายหมุนเวียนไปสังกัดใดก็ตาม
สนับสนุนเนื้อหา
