ยอดผู้สมัคร กอช.วันแรกกว่า 150,000 ราย
กอช.เผยวันแรกมีผู้สมัคร 153,835 ราย เงินออมประมาณ 137 ล้านบาท คาดสิ้นปีมีผู้สมัครถึง 600,000 คน
นายสมพร จิตเป็นธม เลขาธิการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เปิดเผยว่า วันแรกมีผู้สมัครสมาชิก กอช. และผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติผ่านสาขาธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย กว่า 3,000 สาขา จำนวน 153,835 ราย มูลค่าเงินออมที่ส่งเข้าระบบประมาณ 137 ล้านบาท เฉลี่ยฝากรายละ 899 บาท โดยกลุ่มผู้สมัครสูงสุดเป็นกลุ่มที่มีอายุระหว่าง 30-50 ปี ร้อยละ 53 รองลงมาเป็นกลุ่มที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ร้อยละ 44 และกลุ่มอายุระหว่าง 15-30 ปี ร้อยละ 2
โดยผู้เข้าร่วมโครงการส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ คาดภายในสิ้นปีนี้จะมีสมาชิกเข้าร่วมโครงการประมาณ 600,000 คน และภายในปี 2559 จะมีสมาชิกประมาณ 1,500,000 คน รวมถึงภายในปี 2561 จะมีสมาชิกประมาณ 3,000,000 คน โดยในเดือนหน้าเตรียมลงพื้นที่ต่างจังหวัด เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชน
ทั้งนี้ กอช.เตรียมนำเงินออมที่เข้าระบบก้อนแรกลงทุนในสินทรัพย์ตราสารหนี้ ร้อยละ 80 และตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูง ร้อยละ 20 พร้อมมองว่า หากมีเงินออมถึง 10,000 ล้านบาท จะลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น เพื่อให้มีผลตอบแทนสูงขึ้นในอนาคต เช่น การให้ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งจะต้องมีการเสนอบอร์ดเพื่อพิจารณากรอบการลงทุนอีกครั้งหนึ่ง โดย กอช.จะทบทวนการจ่ายเงินสมทบและเพดานการส่งเงินออมทุก 5 ปี เพื่อพิจารณาตามความเหมาะสม
นอกจากนี้ กอช.ได้ของบประมาณปี 2559 จำนวน 1,200-1,300 ล้านบาท เพื่อใช้ในการดำเนินงาน โดยแบ่งเป็นเงินในการจ่ายสมทบ 1,000 ล้านบาท และค่าบริหารจัดการ 400 ล้านบาท
เลขาธิการ กอช. กล่าวว่า ขณะนี้กำลังดำเนินการให้ผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป มีโอกาสเข้าร่วมกับทุน กอช.ได้ ส่วนกรณีสมาชิกที่อยู่ในกองทุนประกันสังคมแล้วต้องการเข้ามาอยู่ใน กอช. ขณะนี้อยู่ระหว่างรอทูลเกล้าฯ ในการแก้ไขกฎหมายเพื่อโอนสมาชิกจากกองทุนประกันสังคมมาอยู่ใน กอช. ซึ่งคาดว่าจะโปรดเกล้าฯ ลงมาภายในสิ้นเดือนนี้
สำหรับผู้สมัคร กอช. แบ่งสมาชิกออกเป็น 3 ประเภท คือ ช่วงอายุ 15-30 ปี เมื่อสมาชิกโอนเงินเข้าระบบ รัฐบาลจะโอนเงินสมทบอัตราร้อยละ 50 ของเงินออม แต่ไม่เกินปีละ 600 บาท ประเภทช่วงอายุ 30-50 ปี รัฐบาลจะสมทบในอัตราร้อยละ 80 ของเงินออม แต่ไม่เกินปีละ 960 บาท ประเภทช่วงอายุ 50-60 ปี รัฐบาลจะสมทบร้อยละ 100 แต่ไม่เกินปีละ 1,200 บาท โดยสมาชิกทุกประเภทสามารถส่งเงินออมได้ไม่เกินปีละ 13,200 บาท. – สำนักข่าวไทย