อยากรีไฟแนนซ์รถยนต์ต้องทำอย่างไร

อยากรีไฟแนนซ์รถยนต์ต้องทำอย่างไร

อยากรีไฟแนนซ์รถยนต์ต้องทำอย่างไร
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สืบเนื่องจากบทความ ถึงเวลารีไฟแนนซ์แล้วหรือยัง? ทำให้มีท่านผู้อ่านหลายท่าน สอบถามเข้ามาเกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์รถยนต์ว่า หากอยากรีไฟแนนซ์รถยนต์ต้องทำอย่างไร ก็พอเหมาะกับที่นิกำลังเขียนซีรีส์ของการวางแผนซื้อรถ จึงขอนำเรื่องนี้มาขยายความในบทความตอนนี้แล้วกันค่ะ


รีไฟแนนซ์รถยนต์ (Car Loan Refinance) คือ การที่เรากู้ยืมเงินจากธนาคารเพื่อซื้อรถยนต์และมีรถยนต์นั้น ๆ เป็นหลักประกัน ซึ่งระหว่างที่เรากำลังผ่อนชำระอยู่นั้น เรามีความต้องการที่จะให้ธนาคาร (อาจจะธนาคารเดิมหรือธนาคารใหม่) ทำการประเมินหลักประกันใหม่ เพื่อยื่นขอให้จัดไฟแนนซ์รถยนต์ใหม่ อาจจะเนื่องมาจากหลักทรัพย์ประกันมีราคามากกว่าวงเงินกู้ที่ยังค้างชำระ หรือ ต้องการยืดระยะเวลาผ่อนชำระออกไปแล้วแต่กรณี

เมื่อธนาคารประเมินราคาหลักทรัพย์ และเราได้ยื่นเอกสารรายได้เข้าไปให้ธนาคารพิจารณาอนุมัติ ให้มีการจัดทำสินเชื่อใหม่ (รีไฟแนนซ์) เราก็เริ่มผ่อนชำระใหม่ เริ่มนับเดือนที่ 1 ใหม่ไปจนครบระยะเวลาผ่อนชำระ ดังนี้ เราเรียกการรีไฟแนนซ์รถ


ยกตัวอย่างจากคราวที่แล้วนะคะ ที่เราซื้อรถยนต์มาในราคา 650,000 บาท ดาวน์ไปแล้ว 150,000 บาท ต้องกู้เพิ่มอีก 500,000 บาท เงื่อนไขจากสถาบันการเงินคิดดอกเบี้ย 4% ต่อปี ระยะผ่อนชำระ 5 ปี (60 เดือน) กรณีนี้ ดอกเบี้ยที่เราต้องส่งตลอด 5 ปี คิดเป็น 500,000 x 4% = 20,000 x 5 ปี = 100,000 บาท รวมเงินที่ต้องผ่อนชำระคืนธนาคารทั้งสิ้น 600,000 บาท ผ่อนชำระ 60 เดือน เท่ากับ ต้องมีภาะรผ่อนชำระ 600,000/60 = 10,000 บาท


เมื่อเราผ่อนชำระไป 3 ปี รถคันนี้จะเหลือวงเงินค้างธนาคารอยู่เพียง 240,000 บาท (600,000 - (10,000x36) = 240,000 บาท) แต่ปรากฏว่าเมื่อเราลองให้ธนาคาร (ที่เดิมหรืออาจจะที่ใหม่ก็ได้) ประเมินราคารถของเรา รถของเราอาจจะยังสามารถรีไฟแนนซ์ได้ในราคา 325,000 บาท นั่นหมายความว่า หากเรายื่นเรื่องรีไฟแนนซ์ใหม่ เราจะสามารถนำเงินส่วนต่าง (ยอดจัดใหม่ - ยอดค้างเดิม = 325,000 - 240,000 = 85,000 บาท (ก่อนหักคาใช้จ่าย)) ออกมาเพื่อใช้จ่ายหรือหมุนเวียนได้ เป็นต้น กรณีเช่นนี้ เราเรียกว่า รีไฟแนนซ์รถ (Car Loan Refinance) ค่ะ


ในการรีไฟแนนซ์รถ อาจขอรีไฟแนนซ์กับธนาคารเดิม หรือรีไฟแนนซ์กับธนาคารใหม่ก็ได้ค่ะ อย่างไรก็ตามสิ่งที่ควรตระหนักที่ทำให้การรีไฟแนนซ์รถยนต์ต่างจากการรีไฟแนนซ์บ้านก็คือ โดยมากมูลค่าบ้านจะเพิ่มขึ้น (Appreciation) เนื่องมาจากทำเลของบ้านเอง การเจริญเติบโตของชุมชนเมือง ทำให้ราคาที่ดินมีราคาสูงขึ้น เป็นต้น แต่รถยนต์จะเป็นไปในทางตรงข้ามค่ะ ที่มูลค่าของ ‘รถ’ จะ ‘ลดลง’ (Depreciation) อย่างเรื่อยๆ ทำให้หากคุณต้องการรีไฟแนนซ์รถยนต์ เมื่อถูกประเมินหลักทรัพย์ค้ำประกัน รถยนต์ของคุณอาจมีมูลค่าน้อยกว่ายอดติดจำนองก็เป็นได้ ทำให้ไม่สามารถรีไฟแนนซ์ได้ค่ะ


ดังนั้นคำแนะนำของนิก็คือ หากคุณต้องการที่จะรีไฟแนนซ์รถจริงๆ ลองคุยกับสถาบันการเงินเดิมที่คุณติดจำนองอยู่ว่ามีแนวทางการรีไฟแนนซ์รถอย่างไร และลองให้ประเมินมูลค่ารถยนต์ดูก่อนค่ะว่ามูลค่ารถยนต์ในปัจจุบันของคุณมากกว่ายอดติดจำนองมั้ย นอกจากนี้หากอยากยืดเวลาการผ่อนชำระออกไป อาจจะต้องใช้การเจรจาต่อรองดูค่ะ


ทิ้งท้าย อย่าลืมพิจารณาสถานะการเงินของคุณเองอย่างรอบคอบ ก่อนคิดก่อหนี้นะคะ เพราะ การไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐจริงๆ ค่ะ


หากคุณมีคำถามหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับการวางแผนซื้อรถ สามารถ email มาหานิได้ที่ nipapuntalk@hotmail.com และเช่นเคย สำหรับท่านใดที่นิเลือกเคสมาตอบผ่านทาง Sanook Money จะได้รับหนังสือ ‘เปลี่ยนชีวิตสู่ความมั่งคั่งด้วยการวางแผนการเงิน’ ไปเลยค่ะ แล้วพบกันค่ะ


ผู้เขียน โค้ชนิ นิภาพันธ์ พูนเสถียรทรัพย์ CFP® เจ้าของผลงาน pocket book ‘เปลี่ยนชีวิตสู่ความมั่งคั่งด้วยการวางแผนการเงิน’ ‘มีเงินล้านด้วยการวางแผนการเงิน’ และ ‘อยากรวยต้องรู้จักวางแผนการเงิน’

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook