ยกระดับสินค้าเกษตร...ปลูกมะนาว ส่งขายร้านกาแฟ รายได้ 20,000 บาท/เดือน

ยกระดับสินค้าเกษตร...ปลูกมะนาว ส่งขายร้านกาแฟ รายได้ 20,000 บาท/เดือน

ยกระดับสินค้าเกษตร...ปลูกมะนาว ส่งขายร้านกาแฟ รายได้ 20,000 บาท/เดือน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การมีฝนตกน้อย หรือไม่ตกต้องตามฤดูกาลเป็นระยะเวลานาน กระทั่งทำให้เกิดสภาวะการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค และน้ำเพื่อการเกษตร ซึ่งเป็นสาเหตุให้พืชพรรณต่างๆ ได้รับผลกระทบแล้ว ทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตไม่สมบูรณ์ เกิดความเสียหายทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม สิ่งเหล่านี้อาจเรียกได้ว่า วิกฤติภัยแล้ง

แนวทางหนึ่งที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเพื่อช่วยบรรเทาปัญหาคือ การทำเกษตรแบบผสมผสาน ทั้งการปลูกพืชหลายชนิดรวมกัน การเลี้ยงสัตว์ ตลอดจนถึงการแปรรูปพืชผลทางการเกษตร และที่ผ่านมามีชาวบ้านหลายพื้นที่ทั่วประเทศยึดแนวทางนี้จนประสบความสำเร็จ บางรายมีการบริหารจัดการทรัพยากรในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ
เกษตรปากท่อ พาไปพบชาวบ้าน ที่ทำสวนผสมผสานได้สำเร็จ

คุณสมศักดิ์ พุทธพฤกษ์ เกษตรอำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี พาไปพบ คุณวิเชียร บุญรอด อยู่บ้านเลขที่ 147 หมู่ที่ 6 ตำบลยางหัก อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นชาวบ้านที่ประสบความสำเร็จจากการปลูกพืชไม้ผลหลายชนิดแบบผสมผสาน

อีกทั้งภายในสวนยังนำวัวมาเลี้ยงจำนวนกว่า10ตัว เพื่อใช้ประโยชน์จากมูลในการทำปุ๋ยผสมดิน และปุ๋ยน้ำฉีดพ่น หรือถ้าบริเวณใดมีหญ้าขึ้นรกจะปล่อยวัวเข้าไปแทะเล็มเพื่อกำจัดหญ้า จึงทำให้ไม่ต้องใช้สารเคมีกำจัด ถือเป็นการช่วยลดต้นทุน ตลอดจนมีการขุดบ่อเก็บกักน้ำทางธรรมชาติเพื่อใช้กับพันธุ์ไม้หลายชนิด ทั้งหมดนี้ดูจะเป็นการเกื้อกูลกันทางธรรมชาติเป็นอย่างดี

ฉะนั้น จึงไม่แปลกใจเลยที่ปาล์มน้ำมัน ทุเรียน เงาะ มะม่วง กล้วย และมะนาว ล้วนแต่มีผลผลิตที่ได้คุณภาพ เป็นที่ยอมรับของตลาด

แต่ที่น่าสนใจมากเป็นพิเศษคือ การปลูกมะนาวในวงบ่อซีเมนต์ที่ได้ผลผลิตจำนวนมาก เป็นผลผลิตที่มีคุณภาพทั้งขนาด รสชาติ และปริมาณน้ำ จนกระทั่งเป็นที่สนใจของร้านกาแฟชื่อดังในปั๊ม สั่งมะนาวผลจำนวนมากเพื่อนำไปทำเป็นชามะนาว

เปลี่ยนหาเงินจากปลูกข้าว มาเป็นสวนผสมผสาน มีรายได้ดีกว่า

คุณวิเชียร เริ่มต้นอาชีพเกษตรกรรมด้วยการทำนา และทำไร่ข้าวโพดกับมันสำปะหลัง ภายหลังประสบปัญหาราคาผลผลิตลดลงมาก ทำแล้วไม่คุ้มทุน จึงเลิกแล้วหันไปปลูกปาล์มน้ำมัน เนื้อที่ 28 ไร่ จำนวน 500 กว่าต้น กระทั่งปาล์มมีอายุเข้าปีที่ 3 จึงสามารถเก็บผลผลิตได้ โดยนำไปขายแถวหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี ที่มีระยะทางห่างจากสวน ประมาณ 30 กิโลเมตร โดยขายได้ราคากิโลกรัมละ 4.50 บาท ซึ่งถือว่าพออยู่ได้

ขณะปลูกปาล์มยังมีเวลาว่างอีก คุณวิเชียรมองว่า ต้องหาอะไรทำเพื่อสร้างรายได้เสริม จึงตระเวนไปหาความรู้การปลูกพืชและไม้ผลชนิดอื่น ที่มีแนวโน้มว่าสามารถสร้างเม็ดเงินได้โดยไม่ต้องเสี่ยงมาก

ปลูกมะนาวได้ผลเกินคาด ส่งขายร้านกาแฟดังในปั๊ม เพื่อทำชามะนาว

เกษตรกรรายนี้ไปสนใจมะนาวที่ใส่ตะกร้าวางขายในตลาดนัด ราคา 150 บาท จึงทำให้เขาเกิดความคิดที่จะปลูกมะนาว ได้ไปเสาะหาพันธุ์แป้นพิจิตรมาปลูก ด้วยเหตุผลเพราะให้น้ำมาก เป็นที่ต้องการของตลาด โดยทดลองปลูกในสวนปาล์มระหว่างร่อง จนประสบความสำเร็จสามารถขายได้ราคา ผลละ 4-5 บาท จากนั้นจึงนำพันธุ์มะนาวแป้นพิจิตรมาปลูกเพิ่มอีกในแปลงมันสำปะหลัง เป็นการปลูกในวงบ่อซีเมนต์ จำนวนทั้งสิ้น 500 ต้น ปลูกมาแล้วกว่า 4 ปี

คุณวิเชียร ปลูกมะนาวด้วยความใส่ใจมาก คุณวิเชียรแทบจะไม่ได้ใช้สารเคมีในกระบวนการปลูกเลย แต่จะใช้ปุ๋ยหมักที่เป็นมูลวัว และเศษพืชผสมเองแทน โดยในแต่ละปีใช้จำนวนพันกว่ากระสอบ พร้อมไปกับการหมักปุ๋ยน้ำเพื่อใช้ฉีดพ่นด้วย ซึ่งได้ทำเช่นนี้มาเป็นเวลา 7 ปีแล้ว คุณวิเชียรมองว่า การใช้สารเคมีมีอันตรายทั้งต่อผู้ปลูกและผู้บริโภค

พร้อมทั้งให้น้ำ 2-3 วัน ต่อครั้ง โดยดูจากความเหมาะสมของสภาพดินฟ้าอากาศประกอบ ทั้งนี้ ส่วนผสมดินที่ปลูก มี ขี้วัวหมักปุ๋ย ใส่ขี้วัวกับดิน โดยใช้ขี้วัว จำนวน 2 ถุง กับดิน 1 รอง ให้คลุกเคล้าปนกัน ปลูกไปเป็นเวลา 8 เดือน แล้วให้รดน้ำอย่างเดียว พอใกล้เก็บผลจึงใส่ขี้วัวอีกครั้ง

ผลจากการปลูกอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการนำปัจจัยการปลูกที่เป็นอินทรีย์ล้วนเช่นนี้ จึงทำให้มะนาวเพียงต้นเดียวให้ผลผลิตได้ถึงกว่า 300 ผล แล้วถ้าหากราคามะนาว ผลละ 5 บาท จะได้เงินจำนวน 1,500 บาท ต่อต้น เพราะฉะนั้นรายได้ที่เกิดขึ้นเพียงต้นเดียวได้เงินค่ากับข้าวแล้ว ยิ่งถ้าเก็บผลผลิตมะนาวทั้งสวนจะมีรายได้เท่าไร??

การปลูกมะนาว จำนวน 500 ต้น ของคุณวิเชียร ใช้เงินลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 200,000 บาท โดยจำแนกคร่าวๆ อย่าง ค่าวงบ่อซีเมนต์ ราคาใบละกว่า 200 บาท ค่ากิ่งพันธุ์ที่ซื้อมา กิ่งละ 150 บาท แล้วเป็นค่าเบ็ดเตล็ดอื่นๆ อีก

จากแนวคิดที่ว่า ทำอย่างไรให้ประหยัดต้นทุนมากที่สุด เพราะนั่นหมายถึงผลกำไรที่เกิดขึ้น จึงทำให้คุณวิเชียรตัดสินใจปลูกต้นไผ่เพื่อนำลำไผ่มาใช้สำหรับค้ำต้นมะนาว ทั้งนี้ ได้เลือกเป็นไผ่ที่รับประทานหน่อได้ เพราะสามารถนำไปขายได้อีก กระทั่งพอต้นไผ่มีอายุมากจึงตัดมาใช้งาน เพราะถ้าไปซื้อ ราคา ลำละ 15 บาท

ด้วยคุณภาพของมะนาวแป้นพิจิตรในสวนแห่งนี้ ที่เจ้าของสวนการันตีถึงขนาดผล ปริมาณน้ำ และรสชาติ เพราะสามารถนำไปปรุงอาหารหรือแปรรูปได้อย่างคุ้มค่า จึงเป็นที่ต้องการของตลาดลูกค้าหลายประเภท ทั้งรายย่อยที่สั่งจองกันตลอดต่อเนื่อง หรือแม้แต่รายใหญ่ขาประจำที่ต้องส่งให้เดือนละหลายพันผล

“อย่างถ้าขายส้มตำ ปกติแม่ค้าจะใช้มะนาว ครกละ 2 ผล แต่ถ้าใช้มะนาวที่ปลูกในสวนแห่งนี้เพียง 1 ผล สามารถทำส้มตำได้ถึง 2 ครก จึงประหยัดต้นทุนได้มาก อีกทั้งหากนำไปใช้ในร้านอาหารก็คุ้มค่าแล้ว สร้างความอร่อยให้แก่อาหารจานนั้นด้วย

แต่ลูกค้าขาประจำที่น่าสนใจ คงเป็นร้านขายกาแฟชื่อดังที่ตั้งอยู่ในปั๊มขนาดใหญ่ ร้านนี้นำไปใช้ทำชามะนาว ซึ่งลูกค้ารายนี้ ขายส่งกันมาได้ 1 ปีกว่า ส่งมะนาวอาทิตย์ละครั้ง จำนวน 1-2 พันกว่าผล ราคาส่งอยู่ที่ 4-5 บาท แต่ในบางคราวเพียง 2 วัน ก็โทรศัพท์มาสั่งแล้ว”

ไม่เพียงเท่านั้น ครอบครัวบุญรอด ยังมีการพัฒนาต่อยอดสินค้าด้วยการนำผลมะนาวบรรจุใส่ถุงใสอย่างดี แล้วทำเป็นของฝาก วางขายที่ร้านกาแฟชื่อดังแห่งเดียวกันด้วย โดยจำหน่ายราคา ถุงละ 50 บาท อันนี้เป็นราคาช่วงปกติ แต่ถ้าช่วงมะนาวแพง อาจต้องจำหน่ายราคา ถุงละ 100 บาท

นอกจากรายได้จากการขายผลมะนาวสดแล้ว คุณวิเชียรยังทำกิ่งพันธุ์มะนาวจำหน่าย ในราคากิ่งละ 70-100 บาท คุณวิเชียรชี้ว่า เมื่อต้นโตสูงขึ้น แทนที่จะตัดให้เสียเปล่า ควรเลือกกิ่งที่มีขนาดเหมาะสมเพื่อขยายพันธุ์ แล้วยังบอกต่อว่า ถ้าต้นพันธุ์ที่ปลูกมีคุณภาพให้ผลผลิตได้อย่างดีแล้ว กิ่งพันธุ์จะต้องมีคุณภาพเช่นกัน

คุณวิเชียรไม่ใช่เกษตรกรที่มุ่งปลูกแล้วขายผลผลิตอย่างเดียวแต่คุณวิเชียรยังทำหน้าที่เป็นพ่อค้าในเวลาเดียวกันด้วยทั้งนี้คุณวิเชียร ชี้ว่าผู้ปลูกควรศึกษาความต้องการของตลาดควบคู่ไปด้วย

อย่างไรก็ตาม ในอีก 5-6 ปี ข้างหน้า มะนาวที่ปลูกรุ่นแรกจะถูกย้ายออก เพื่อปล่อยให้ต้นทุเรียนซึ่งได้ปลูกอยู่แล้วระหว่างต้นมะนาวพร้อมเจริญเติบโตเต็มที่ โดยไม่ต้องรอให้เสียเวลา และเป็นทุเรียนอีกรุ่นที่ตระเตรียมไว้ พร้อมกับเงาะนาสาร จำนวน 300-400 ต้น

ไม่เพียงเท่านั้น คุณวิเชียรยังปลูกไม้ผลชนิดอื่นแล้วได้คุณภาพอีก อย่าง มะม่วงน้ำดอกไม้ดิบที่มีขนาดผลใหญ่มาก ปลูกกล้วยน้ำว้าที่มีเครือใหญ่หลายหวี หรือแม้กระทั่งกำลังซุ่มเพาะ-ขยายต้นมะนาวไร้เมล็ดเพื่อส่งออกขายต่างประเทศ

คุณสมศักดิ์กล่าวว่าสวนคุณวิเชียรนับเป็นแหล่งผลิตพืช ผัก ไม้ผลที่มีคุณภาพ ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการที่คุณวิเชียรเป็นผู้ที่มีความกระตือรือร้น ใส่ใจต่ออาชีพ แล้วยังชอบศึกษาหาความรู้ด้านเทคโนโลยีการเกษตรอยู่ตลอดเวลา แล้วยังเป็นต้นแบบที่ดีต่อชุมชน

“อีกทั้งยังเป็นผู้ที่ชาวบ้านให้ความเชื่อถือและศรัทธาในฐานะผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน นอกจากนั้น ยังทำหน้าที่เป็นกรรมการทำปุ๋ยหมักของชุมชน ทั้งนี้ โดยรวมกลุ่มเกษตรกรทั้งหมดไปทำปุ๋ยกันที่หน้าโรงเรียนยางคู่ เป็นกองปุ๋ยขนาดใหญ่แล้วนำมาบรรจุใส่กระสอบแจกจ่ายชาวบ้านทุกหลังคาเรือน”

ผลสำเร็จที่เกิดจากความตั้งใจรวมถึงความซื่อสัตย์ต่ออาชีพตลอดจนเป็นคนที่วางแผนการเพาะปลูกพืชไม้ผลอย่างเป็นขั้นตอนโดยจะไม่ปล่อยให้มีช่วงเวลาว่างเลยแม้แต่นิด เปรียบเหมือนกับการวิ่งผลัด ที่มีการรับช่วงต่อกันโดยไม่ขาดตอน จึงทำให้ครอบครัวบุญรอดมีรายได้ผ่านมือตลอดทุกวัน เมื่อถามถึงรายได้ต่อเดือนแล้ว คุณวิเชียรแย้มว่า ตกเดือนละประมาณ 20,000 บาท หลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว

สนใจสั่งซื้อผลผลิตทางการเกษตร หรือกิ่งพันธุ์มะนาวที่มีคุณภาพ ได้ที่ คุณวิเชียร บุญรอด โทรศัพท์ (087) 156-5956

ติดตามข่าวสารอื่นๆได้ที่
http://www.facebook.com/Khaosodfarm
www.technologychaoban.com

ทะนุพงศ์ กุสุมา ณ อยุธยา/นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook