กลุ่ม ปตท.ตุนเงิน 2 แสนล้านบาทพร้อมซื้อแหล่งปิโตรเลียม

กลุ่ม ปตท.ตุนเงิน 2 แสนล้านบาทพร้อมซื้อแหล่งปิโตรเลียม

กลุ่ม ปตท.ตุนเงิน 2 แสนล้านบาทพร้อมซื้อแหล่งปิโตรเลียม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กลุ่มปตท.เผยมีเงินสดในมือรวม 2 แสนล้านบาท พร้อมลงทุนซื้อกิจการโดยเฉพาะแหล่งปิโตรเลียมแต่ต้องดูข้อกำหนดธูรกิจที่ซื้อต้องอยู่ได้ ไม่ซ้ำรอยออยล์แซนด์

นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้เริ่มมีสัญญาณว่าบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมหลายแห่งเริ่มหยุดผลิต หลังจากราคาน้ำมันดิบลดลงต่ำกว่า 60 ดอลลาร์สหรัฐสหรัฐมาเป็นระยะเวลากว่า 1ปี และการพัฒนาหลุมปิโตรเลียมใหม่ก็ชะลอออกไปทั่วโลก

จึงเป็นโอกาสที่กลุ่มปตท.จะเข้าไปซื้อกิจการในแหล่งปิโตรเลียมเพื่อเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงาน คาดว่าจะเห็นข้อตกลงหรือดีลการซื้อกิจการ(M&A)ในปีหน้า หลักเกณฑ์หลักคือ ปตท.จะต้องเข้าไปมีบทบาทในการบริหารงานด้วย แต่ก่อนจะตกลงดีลใดๆ จะต้องมีการจำลองเหตุการณ์หากราคาน้ำมันดิบอยู่ที่ 30 ดอลลาร์/บาร์เรล

ธุรกิจที่ซื้อจะต้องอยู่ได้ (Stress Test) เพื่อความมั่นใจว่าบริษัทที่เข้าไปซื้อกิจการนี้จะต้องสามารถดำเนินธุรกิจอยู่ได้ภายใต้ราคาน้ำมันต่ำเช่นนี้อย่างน้อย 3ปี เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยโครงการลงทุน ออยล์ แซนด์ที่แคนาดา ที่ บมจ. ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม เข้าไปซื้อกิจการเมื่อปี 2553 ซึ่งในช่วงนั้นราคาน้ำมันดิบโลกสูงทะลุ 100 ดอลลาร์ แต่หลังจากนั้นเมื่อเทียบราคาน้ำมันลดลงมาอยู่ที่ 50 ดอลลาร์ ทำให้โครงการยังไม่พัฒนา

ส่วนธุรกิจใหม่นั้น กลุ่มปตท.สนใจที่จะเข้าไปลงทุนแหล่งผลิต Shale Gas/Shale Oil โดยอยู่ระหว่างการศึกษาสนใจเข้าไปร่วมในโครงการนี้แถบอเมริกาเหนือผ่านปตท.สผ. รวมทั้งทำโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ในสหรัฐฯผ่านบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล หรือพีทีทีจีซี มูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์

“ปัจจุบันกลุ่มปตท.มีเงินสดในมือรวม 2 แสนล้านบาท มาจากทุกธุรกิจ เนื่องจากในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา กลุ่ม ปตท.ได้มีการทบทวนการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยชะลอการลงทุนในโครงการที่ไม่ยังไม่จำเป็นรวมทั้งอัตราหนี้สินต่อทุน(D/E)อยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำ ทำให้มีความสามารถกู้เงินเพิ่ม หากมีการซื้อกิจการที่ใช้เงินลงทุนสูงได้ ซึ่งคาดว่าแนวโน้มราคาน้ำมันจะต่ำเช่นนี้อีก 2-3 ปีข้างหน้า และปีหน้าคาดว่าราคาน้ำมันดิบจะอยู่ที่ระดับ 55 ดอลลาร์/บาร์เรล จากครึ่งปีแรกนี้ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 57ดอลลาร์/บาร์เรล”นายเทวินทร์กล่าว

นายเทวินทร์ กล่าวต่อไปว่า โครงการโรวูมา ออฟชอร์ แอเรียวัน ที่โมซัมบิก คาดว่าจะเริ่มพัฒนาโครงการได้ในปี 2559 โดยก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG)บางส่วนจะป้อนขายให้กับปตท. นอกจากนี้ ปตท.ยังอยู่ระหว่างการทบทวนแผนการลงทุน 5ปีข้างหน้ามูลค่า 3 แสนล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางราคาน้ำมันด้วย

นายอธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯมีกระแสเงินสดในมืออยู่ 4 หมื่นล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงกึ่งหนึ่ง ทำให้ใช้เงินทุนหมุนเวียนลดลงครึ่งหนึ่ง และค่าการกลั่นครึ่งปีหลังสูงถึง 10 -11 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่งผลให้บริษัทมีกระแสเงินสดมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนที่จะนำเงินไปชำระคืนหนี้เงินกู้ 9 พันล้านบาทรวมทั้งใช้เงินในการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นด้วย ดังนั้นหากไทยออยล์จะมีการลงทุนเพิ่มเติมก็สามารถที่จะหาเงินกู้ได้ เนื่องจากมีอัตราหนี้สินต่อทุนต่ำ (D/E)อยู่ที่ 0.3เท่า สามารถกู้ได้ถึง 7 หมื่นล้านบาท .

สำนักข่าวไทย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook