ผู้ประกันตนเฮ! พ.ร.บ.ประกันสังคมใหม่ ให้สิทธิเพิ่มมากยิ่งขึ้น เริ่ม 20 ต.ค.นี้
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลมีนโยบายพัฒนาสวัสดิการและคุณภาพชีวิตของผู้ใช้แรงงาน จึงได้ปรับปรุงกฎหมายประกันสังคมให้มีสิทธิประโยชน์ที่ครอบคลุมสำหรับผู้ประกันตนมากยิ่งขึ้น และกฎหมายดังกล่าวได้ผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ประกาศเป็นพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกันสังคม (ฉบับที่ 4) 2558 ในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยจะมีผลบังคับใช้ 120 วัน นับแต่วันที่ประกาศ หรือเริ่มตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคมนี้
สำหรับสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นตาม พ.ร.บ.ฉบับใหม่ นั้น ครอบคลุมในหลายกรณี ทั้งกรณีที่ผู้ประกันตนเจ็บป่วย ตาย ทุพพลภาพ ว่างงาน คลอดบุตร สงเคราะห์บุตร และที่สำคัญคือ มีการกำหนดมาตรการตรวจสอบเพื่อกำกับดูแลความโปร่งใสและความมีมาตรฐานจากเดิมที่ไม่เคยมีมาก่อน
พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่าหากผู้ประกันตนประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย จะได้รับเพิ่มค่าส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคและค่าใช้จ่ายเป็นเงินช่วยเหลือเบื้องต้น ในกรณีได้รับความเสียหายจากการรับบริการทางการแพทย์ โดยที่ปัจจุบันไม่ครอบคลุมในส่วนนี้ส่วนผู้ที่เจ็บป่วยเรื้อรังหรือทุพพลภาพและถึงแก่ความตาย จะได้รับเพิ่มสิทธิประโยชน์ แม้ส่งเงินสมทบไม่ครบตามสิทธิ ส่วนผู้ประกันตนที่ทำให้ตนเองบาดเจ็บ ทุพพลภาพ และตาย หรือสูญเสียสมรรถภาพทางร่างกายไม่ถึงร้อยละ 50 ก็จะได้รับสิทธิประโยชน์ทดแทน จากเดิมไม่ได้รับสิทธิ
ขณะที่ผู้ทุพพลภาพก่อนวันที่ 31 มีนาคม 2538 ซึ่งเป็นวันที่สำนักงานประกันสังคมได้แก้ไขกฎหมายเพื่อขยายความคุ้มครองผู้ทุพพลภาพ ส่งผลให้ผู้ทุพพลภาพ 2 กลุ่มได้รับสิทธิประโยชน์ไม่เท่ากัน คือ กลุ่มหนึ่งได้รับสิทธิประโยชน์เพียง 15 ปี และอีกกลุ่มได้รับตลอดชีวิต ให้ได้รับสิทธิประโยชน์ตลอดชีวิตเท่าเทียมกัน
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวอีกด้วยว่า กรณีคลอดบุตร ผู้ประกันตนจะมีสิทธิได้รับประโยชน์ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ๆ ละ 13,000 บาท รวมกับเงินสงเคราะห์การหยุดงาน 90 วัน ส่วนกรณีสงเคราะห์บุตร สำหรับบุตรแรกเกิดถึง 6 ปี มีสิทธิได้รับคราวละไม่เกิน 3 คน เหมาจ่ายรายเดือน ๆ ละ 400 บาท ต่อคน กรณีว่างงาน เพิ่มความคุ้มครองกรณีนายจ้างหยุดกิจการชั่วคราวเนื่องจากเหตุสุดวิสัยโดยยังไม่มีการเลิกจ้าง เช่น โรงงานถูกน้ำท่วม ขณะที่ปัจจุบันผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับเมื่อถูกเลิกจ้างหรือลาออกเท่านั้น
สำหรับเงินสงเคราะห์ผู้เสียชีวิต ถ้าจ่ายเงินสมทบมาอย่างน้อย 36 เดือน แต่ไม่ถึง 120 เดือน ให้จ่ายเงินสงเคราะห์เท่ากับ 50 เปอร์เซ็นต์ ของค่าจ้างรายเดือน คูณด้วย 4 (เท่ากับค่าจ้างประมาณ 2 เดือน) จากเดิมจ่ายแค่ 1.5 เดือน แต่ถ้าผู้ประกันตน จ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 120 เดือน ให้จ่าย 50 เปอร์เซ็นต์ ของค่าจ้าง คูณด้วย 12 (เท่ากับค่าจ้างประมาณ 6 เดือน) จากเดิมจ่ายแค่ 5 เดือน
“พ.ร.บ.ฉบับใหม่ ได้กำหนดให้มีคณะกรรมการตรวจสอบเพื่อกำกับดูแลความโปร่งใส ได้มาตรฐาน และผู้ที่จะเข้ามาเป็นคณะกรรมการประกันสังคม จะต้องมีคุณสมบัติตามระเบียบที่กำหนด และต้องแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. ด้วย ทั้งนี้ ประชาชนหรือผู้ประกันตนที่ต้องการตรวจสอบสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานประกันสังคม หรือเว็บไซต์ http://www.sso.go.th และสายด่วน 1506” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว