Sweetbarbie ธุรกิจครีม สไตล์เน็ตไอดอล
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าธุรกิจเครื่องสำอางอย่างครีมบำรุงผิวนั้น ถือเป็นธุรกิจที่คนรุ่นใหม่ต่างตบเท้าเข้าสวมบทบาทผู้ประกอบการ เช่นเดียวกับเน็ตไอดอลสาวคนนี้ กลอย – ประวีวรรณ สิงห์โต นิสิตชั้นปีที่ 2 คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ที่หยิบเอานิสัยรักสวยรักงามมาเป็นแรงผลักตัวเองให้เข้าสวมหมวกเจ้าของแบรนด์ครีมบำรุงผิวหน้า Sweetbarbie และเจ้าของแบรนด์สบู่ Fondueface
“กลอยเป็นคนรักสวยรักงามและอยากทำธุรกิจมาตั้งแต่เด็กเพราะชอบทำอะไรที่ทำแล้วได้จับเงินเลย พอขึ้น ม.5 กลอยมีเงินเก็บจำนวนหนึ่ง แล้วมีความคิดอยากทำครีมขาย จึงเริ่มศึกษาส่วนประกอบต่างๆ ที่ใช้ในการผลิตครีมว่ามีอะไรบ้างและคุณสมบัติเป็นอย่างไร เมื่อศึกษาจนเข้าใจดีแล้วจึงตัดสินใจควักเงินเก็บตัวเองมาทำแบรนด์ Fondueface ที่มีทั้งครีมบำรุงผิวหน้าและสบู่เพื่อผิวขาว”
กลอยเริ่มต้นขายสบู่และครีมบำรุงผิวหน้าแบรนด์ Fondueface ผ่านช่องทางออนไลน์อย่างเฟซบุ๊ก โดยเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นนักเรียน นักศึกษา ซึ่งการเริ่มต้นทำธุรกิจแรกของเธอนั้นถือว่าเริ่มต้นได้อย่างสวยงามเพราะสินค้าของเธอได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จนเมื่อเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย กลอยต้องการขยายกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้นจากกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นเป็นกลุ่มลูกค้าวัยทำงาน เธอจึงตัดสินใจทำครีมบำรุงผิวหน้าแบรนด์ Sweetbarbie ซึ่งถือเป็นแบรนด์แรกของไทยที่นำสเต็มเซลล์องุ่นแดงมาใช้เป็นส่วนประกอบหลักของครีม อีกทั้งยังเป็นการสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ด้วย
“เมื่อทำแบรนด์ Sweetbarbie กลอยจึงหยุดผลิตครีมแบรนด์ Fondueface หากแต่เหลือเพียงสบู่น้ำนมวัวไว้ โดยตอนนี้สินค้าของทั้ง 2 แบรนด์ยังคงขายผ่านเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม รวมทั้งขายผ่านตัวแทนจำหน่าย ทั้งนี้ ด้วยความที่กลอยไม่มีความรู้เรื่องการตลาดเท่าไรนัก กลอยจึงศึกษาวิธีการทำการตลาดและการสร้างแบรนด์จากแบรนด์เครื่องสำอางอื่น แล้วนำวิธีการเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้กับแบรนด์ของตนเอง และเพราะราคาสินค้าค่อนข้างสูง กลอยจึงจัดโปรโมชั่นสินค้าอยู่บ่อยครั้ง เพื่อกระตุ้นยอดขายและกระตุ้นความสนใจของลูกค้า เช่น หากชวนเพื่อนมาซื้อจะได้รับส่วนลดในการซื้อสินค้าชิ้นต่อไป”
นอกจากโซเชียลมีเดียจะทำให้ลูกค้าและเหล่าตัวแทนจำหน่ายรู้จักแบรนด์ทั้งสองแล้ว การบอกต่อแบบปากต่อปากของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามแม้จะรู้ดีว่าพ่อค้าแม่ขายส่วนใหญ่ที่ขายของผ่านช่องทางออนไลน์จะนิยมออกบู๊ธเพื่อให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก แต่สาวน้อยคนนี้กลับมองเรื่องนี้ต่างออกไป
“คนส่วนใหญ่ออกบู๊ธเพื่อให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากกว่าหวังยอดขาย และแม้ราคาบู๊ธจะแพงแต่ก็ยอมจ่ายเพียงเพราะอยากให้คนรู้จัก แต่เรานั้นค่อนข้างมีงบจำกัด จึงต้องคำนวณค่าใช้จ่ายทั้งค่าเช่าพื้นที่ ค่าแบล็กดรอป และค่าพรีเซ็นเตอร์ว่าคุ้มกับการลงทุนหรือไม่ เพราะเราเองก็ไม่รู้ว่าการออกบู๊ธแต่ละครั้งจะได้รับความสนใจและยอดขายที่ได้จะมากหรือน้อยกว่าเงินที่จ่ายไป”
แม้จะไม่เน้นการออกบู๊ธ แต่ Sweetbarbie และ Fondueface กลับเป็นที่รู้จักไกลถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาวและเมียนมาร์ ซึ่งตอนนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาวิธีการส่งออกสินค้า โดยเหตุผลที่กลอยเลือกเจาะกลุ่มลูกค้าทั้งสองประเทศนี้เป็นเพราะประชากรส่วนใหญ่มีความไว้วางใจในสินค้าจากประเทศไทย จึงทำให้ง่ายต่อการเข้าถึง
“ตลาดเครื่องสำอางเพื่อผิวขาวในปัจจุบันมีการแข่งขันสูง เพราะกระแสผิวขาวกำลังเป็นที่นิยม กอปรกับปัจจุบันมีโรงงานรับผลิตครีมที่หากอยากได้ครีมอะไรก็สั่งผลิตได้ อยากได้แพ็กเกจจิ้งแบบไหนก็สั่งออกแบบได้ และแม้การทำธุรกิจจะแสนสะดวกสบายแต่ผู้ประกอบการต้องไม่ลืมว่า การจะมัดใจลูกค้าให้ได้นั้น นอกจากการบริการที่ดีแล้ว คุณภาพสินค้าเองก็สำคัญ โดยผู้ประกอบการต้องศึกษาให้ดีว่าส่วนประกอบที่ใช้มีคุณสมบัติอย่างไร ทั้งต้องไปควบคุมการผลิตสินค้าด้วยตนเองเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าสินค้ามีคุณภาพ ปลอดภัย และส่วนประกอบเป็นไปตามที่ต้องการ ซึ่งเมื่อเราเกิดความมั่นใจ ลูกค้าเองก็ย่อมเกิดความมั่นใจเช่นกัน”
Info Sweetbarbie
Facebook : Sweetbarbiethailand
Instagram : sweetbarbie_official
Line : Sweetbarbie.th
Text : กฤษณา สังข์วงค์
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อความสำเร็จของธุรกิจ SME (เอสเอ็มอี)