ดีเดย์! 20 ตุลา “พ.ร.บ.ประกันสังคม” ฉบับใหม่

สำนักงานประกันสังคมเผย กองทุนประกันสังคมปี 2558 เพิ่มสิทธิประโยชน์ ขยายความคุ้มครองให้กับผู้ประกันตนและลูกจ้าง โดยไม่เก็บเงินสมทบเพิ่ม มีผลบังคับใช้วันนี้เป็นวันแรก

นายโกวิท สัจจวิเศษ รักษาการแทนเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า พระราชบัญญัติประกันสังคม ฉบับที่ 4 ปี 2558 นี้ เป็นการคืนความสุขให้ผู้ประกันตน โดยการเพิ่มสิทธิประโยชน์และขยายความคุ้มครองให้กับผู้ประกันตน และไม่มีการเรียกเก็บเงินสมทบเพิ่มอย่างที่เป็นข่าว

โดยในส่วนของ พ.ร.บ.ประกันสังคม ฉบับที่ 4 ปี 2558 นี้สิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นกว่า 10 สิทธิประโยชน์ อาทิ กรณีคลอดบุตร มีสิทธิ์จะได้รับค่าคลอดบุตรไม่จำกัดจำนวนครั้ง, กรณีว่างงาน จากเดิมผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับเมื่อถูกเลิกจ้างหรือลาออก แต่กฎหมายใหม่ให้ความคุ้มครองกรณีนายจ้างหยุดกิจการชั่วคราวเนื่องจากเหตุสุดวิจัย โดยยังไม่มีการเลิกจ้าง เป็นต้น

ทั้งนี้ สำหรับสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคมนี้ทันที โดยไม่ต้องรอกฎหมายลำดับรองที่จะประกาศเพิ่มในเร็ววันนี้

พ.ร.บ.ประกันสังคมฉบับใหม่ จะเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ผู้ประกันตนมากขึ้น มีผลบังคับใช้ 20 ตุลาคม 2558 โดย พ.ร.บ.ประกันสังคม ฉบับล่าสุด เป็นฉบับที่ 4 พ.ศ. 2558 ซึ่งมีการปรับปรุงจากฉบับเดิม คือ ฉบับปี พ.ศ. 2533 ซึ่งผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิประโยชน์ที่คลอบคลุมในหลายกรณี เช่น

1.กรณีเจ็บป่วย จะมีการเพิ่มค่าส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค เป็นเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้ประกันตน ในกรณีที่ได้รับความเสียหายจากการรับบริการทางการแพทย์ จากฉบับเดิมที่ไม่ครอบคลุม

2.ในส่วนของผู้ประกันตนที่เจ็บป่วยเรื้อรัง เช่น ป่วยเป็นโรงมะเร็ง หรือทุพพลภาพ และถึงแก่ความตาย จะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม แม้ส่งเงินไม่ครบตามสิทธิ

3.ในขณะที่ผู้ประกันตนที่ทำให้ตนเองบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เช่น ฆ่าตัวตาย ก็จะได้รับสิทธิประโยชน์ทดแทนด้วย จากเดิมที่ไม่ได้รับสิทธิ

4.กรณีของการคลอดบุตร ผู้ประกันตนจะมีสิทธิได้รับเงินค่าคลอดไม่จำกัดจำนวนครั้ง ครั้งละ 13,000 บาท จากเดิมที่จำกัดไว้แค่ 2 ครั้ง เป็นต้น

อย่างไรก็ตามกฎหมายดังกล่าวได้ผ่านการเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ประกาศเป็นพระราชบัญญัติประกันสังคม ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2558 ในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยจะมีผลบังคับใช้ภายใน 120 วัน ตั้งแต่วันที่ประกาศ ซึ่งจะเริ่มใช้ได้จริงตั้งวันที่ 20 ตุลาคมที่จะถึงนี้ เป็นต้นไป