ความสำเร็จสร้างง่ายสไตล์ ภูมินทร์ ยุวจรัสกุล
Text : กฤษณา สังข์วงค์
หลุยส์-ภูมินทร์ ยุวจรัสกุล นักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง ผู้ได้รับการยอมรับให้เป็นบุคคลต้นแบบที่โดดเด่นด้านการทำธุรกิจ นอกจากดำรงตำแหน่งผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำประเทศไทย บริษัท อีททิโก (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทแห่งแรกของโลกที่ให้บริการด้านการจัดการผลตอบแทนสำหรับร้านอาหาร และบาร์แบบตั้งแยกเดี่ยว หรือแบบตั้งอยู่ภายในโรงแรมในเอเชียและภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลกแล้ว เขายังทำหน้าที่ที่ปรึกษาทางเทคนิคให้กับ Milin แบรนด์เสื้อผ้าชั้นนำของ มิลิน ยุวจรัสกุล ด้วย ซึ่งไม่เพียงแต่ความกระตือรือร้นและความทุ่มเทให้กับการทำงานที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน หากแต่สิ่งต่อไปนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จนั้นด้วย
1. ให้ความเบื่อหน่ายเป็นแรงผลักดัน
“โดยส่วนตัวแล้วผมเป็นคนที่เบื่ออะไรง่าย เพราะฉะนั้นคนในครอบครัวและคนรอบข้างที่สนิทกับผมจะรู้เลยว่า ผมจะทำอะไรซ้ำๆ เดิมๆ ได้ไม่นานและมักจะมองหาอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ เช่น หาร้านอาหารใหม่ๆ รับประทาน หรือไปท่องเที่ยวยังสถานที่ใหม่ ซึ่งนิสัยส่วนตัวที่เป็นคนเบื่ออะไรง่ายได้ส่งผลกับการทำงานของผมด้วย โดยผมมองว่า ถ้าเราพอใจกับอะไรเดิมๆ ที่เจออยู่ทุกวัน การพัฒนาเพื่อหาอะไรใหม่ๆ ก็จะไม่เกิดขึ้น ดังนั้น อย่ากลัวที่จะเบื่อ เพราะความเบื่อที่เกิดขึ้นอาจเป็นสัญญาณที่บอกให้รู้ว่า เราควรมองหาอะไรใหม่ๆ ทำ โดยต้องเป็นสิ่งที่น่าสนใจกว่าสิ่งที่ทำอยู่ในตอนนี้”
2. ความสุขไม่ได้ขึ้นอยู่กับเงินในกระเป๋าเสมอไป
“เพราะผมทำงานดึกทุกวัน จึงไม่ค่อยมีเวลาให้กับครอบครัวเท่าที่ควร ซึ่งผมรู้สึกว่าต่อให้เรามีความก้าวหน้าในหน้าที่การงานมากแค่ไหน แต่ท้ายที่สุดกลับไม่มีความสุขกับสิ่งที่ทำ หลายๆ ครั้งผมมักนั่งคิดทบทวนว่า สิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันนี้ เราทำเพื่ออะไร และทำเพื่อใคร บ่อยครั้งที่ผมมักถามตัวเองว่า ตอนนี้เราได้จัดลำดับความสำคัญของชีวิตแล้วหรือยัง เราจัดลำดับความสำคัญของชีวิตได้ถูกต้องหรือเปล่า และความสุขที่จะเกิดขึ้นกับตัวเรานั้น มันขึ้นอยู่กับเงินในกระเป๋าเพียงอย่างเดียวหรือไม่”
3. สองตา สองหู หนึ่งปาก
“มีคนเคยบอกกับผมว่า คนเราควรใช้สัดส่วนเดียวที่มีอยู่บนใบหน้าในการดำเนินชีวิต นั่นคือ สองตา สองหู และหนึ่งปาก หรือพูดให้เข้าใจง่ายขึ้นคือ เราควรมองให้เยอะ ฟังให้เยอะ แต่ต้องพูดให้น้อย เพราะการเรียนรู้ของคนทุกคนมักเกิดขึ้นในเวลาที่เราฟังและสังเกตมากกว่าเวลาที่พูด อย่างการที่เราเป็นนักฟังที่ดีจะทำให้เราได้รับรู้ถึงประสบการณ์ชีวิตและเรื่องราวต่างๆ ที่น่าสนใจของผู้พูด ซึ่งสิ่งที่ได้ฟังนั้นอาจนำไปใช้เป็นไอเดียในการทำงานหรือนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ และถ้าเรามองสิ่งต่างๆ รอบตัวให้มากขึ้นก็เปรียบเหมือนเราได้เปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้น ได้เห็นมุมมองใหม่ๆ”
4. ใช้ชีวิตให้คุ้ม
“Live everyday like it’s your last. ประโยคนี้เป็นประโยคที่ผมใช้ค่อนข้างบ่อย อีกทั้งยังมีผลสำรวจออกมาว่า ในบั้นปลายชีวิตของทุกคน สองสิ่งที่ทำให้ทุกคนรู้สึกเสียใจมากที่สุดคือ ใช้เวลากับครอบครัวน้อยเกินไปกับทำงานเยอะเกินไป และอย่างที่รู้กันว่า ชีวิตคนเราเป็นอะไรที่ไม่แน่ไม่นอน ดังนั้น หากมีเวลาว่าง ควรใช้เวลานั้นกับครอบครัว และใช้ไปกับการทำในสิ่งที่รัก หากคิดจะทำอะไรให้ลงมือทำเสียตั้งแต่วันนี้ เพราะเวลาเป็นสิ่งที่มีค่าเกินกว่าจะยอมให้เสียไปกับเรื่องที่ไม่ควรจะเสีย”
5. สุขภาพต้องมาอันดับหนึ่ง
“ผมเชื่อว่าทุกคนมีความสามารถที่จะเดินไปให้ถึงฝั่งฝันของตนเอง แต่หากมุ่งทำตามฝันเพียงอย่างเดียว และละเลยการดูแลสุขภาพ เราก็จะไม่มีแรงเดินตามฝัน การดูแลสุขภาพเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง ยิ่งเริ่มต้นเร็วเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น เพราะสุขภาพที่ดีจะนำไปสู่การมีความคิดที่ดี และมีอายุที่ยืนยาว ซึ่งทำให้มีเวลาวิ่งตามความฝันและทำสิ่งต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ได้มากขึ้น การดูแลสุขภาพอาจเริ่มต้นจากการออกกำลังกายง่ายๆ ที่สามารถทำได้ทุกวัน เช่น การวิ่ง การเดิน หรือปั่นจักรยาน ส่วนตัวผมเองเป็นคนชื่นชอบการเล่นกีฬาอยู่แล้ว ดังนั้น หากมีเวลาว่างจากการทำงาน ผมก็มักเข้าร่วมการแข่งขันสควอชอยู่เสมอ”
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อความสำเร็จของธุรกิจ SME (เอสเอ็มอี)