ติดแบล็กลิสต์ กู้ซื้อบ้านได้ไหม

ติดแบล็กลิสต์ กู้ซื้อบ้านได้ไหม

ติดแบล็กลิสต์ กู้ซื้อบ้านได้ไหม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คอลัมน์สามัญสำนึก โดย เมตตา ทับทิม

นับแต่วินาทีนี้จนถึงราว ๆ ปลายเดือนเมษายน 2559 ลมหายใจเข้าออกคนอยากมีบ้านหนีไม่พ้น "มาตรการกระตุ้นอสังหาฯ" ของรัฐบาล คสช.

ขานมาตรการให้ฟังอีกรอบนะคะ รัฐบาลแจก 3 กลุ่ม เริ่มจาก "ด้านภาษี" ลดค่าโอน 2% จดจำนอง 1% เหลือ 0.01% คำนวณง่าย ๆ บ้าน คอนโดมิเนียมราคา 1 ล้านบาท เดิมจ่าย 3% หรือล้านละ 3 หมื่น เหลือล้านละ 300 บาท มีเวลาให้ 6 เดือน (คาดว่าหมดภายใน 30 เมษายน 2559)

กลุ่มที่สอง "ด้านการเงิน" ความจริงมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ หลายรัฐบาลก็เคยทำมาก่อน แต่รอบนี้เน้นช่วยคนที่กู้ไม่ผ่าน โดยสั่งให้ ธอส. (ธนาคารอาคารสงเคราะห์) ตั้งวงเงิน 10,000 ล้านบาท ปล่อยกู้ซื้ออสังหาฯ ไม่เกิน 3 ล้าน

ในแง่ดอกเบี้ยไม่ได้พิเศษวิลิศมาหราอะไรเลย เพราะปีแรก 3.50% ปีที่สอง 4.25% จากนั้นดอกเบี้ยลอยตัวตามเรต MRR (ดอกเบี้ยเงินกู้รายย่อย แพงกว่า MLR ซึ่งเป็นดอกเบี้ยเงินกู้รายใหญ่ ในที่สุดคนรวยก็ได้เปรียบอยู่ดี เฮ้อ)

ล่าสุดทางแบงก์ออมสินลุกขึ้นมาประกาศเติมเงินสินเชื่อให้อีก 10,000 ล้านบาท เงื่อนไขเดียวกันเป๊ะ แต่เร้าใจกว่านิดหน่อยตรงที่หลังจากดอกเบี้ย 2 ปีแรกแล้ว ปีที่เหลือตลอดอายุสัญญาเงินกู้ให้ดอกเบี้ย MRR-1%

ทั้งนี้ เงื่อนไขที่เหมือนพระมาโปรดก็คือผ่อนคลายเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อค่ะ จากเดิมเขาคำนวณจาก DSR (Debt Service Ratio) หรือสัดส่วนหนี้สินต่อรายได้ เดิมกู้เงินซื้อบ้านถ้าเรามีรายได้ 100 บาท สถาบันการเงินอนุญาตให้เราเป็นหนี้ได้ 30-40 บาท เขาถึงจะยอมปล่อยเงินกู้ให้ แต่รอบนี้เกณฑ์ดีเอสอาร์ขยับให้เล็กน้อย จาก 30% เป็น 50%

หมายความว่าถ้าเรามีรายได้ 100 บาท ตอนนี้มีหนี้ได้ถึง 50 บาท เขาก็จะยอมหลับตาข้างหนึ่งปล่อยกู้ให้ มีเวลาให้ 1 ปี (19 ตุลาคม 2558-18 ตุลาคม 2559)

กลุ่มที่สาม "ด้านสิทธิประโยชน์" ด้วยการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่จะต้องซื้ออสังหาฯไม่เกิน 3 ล้าน ลดหย่อนได้ 20% 5 ปี เช่น ซื้อบ้าน 1 ล้าน ลดหย่อน 20% คือ 2 แสนบาท หาร 5 ปีเท่ากับปีละ 4 หมื่นบาท ก็คือขอลดหย่อนได้ปีละ 4 หมื่น เป็นต้น

อธิบายมาตั้งยืดยาว คิดว่าน่าจะจบครบถ้วนกระบวนความ แต่ที่ไหนได้ มีคำถามเซ็งแซ่อยู่ในโซเชียลมีเดียว่า กระผม/ดิฉันติดแบล็กลิสต์ (บัญชีดำ) กู้ซื้อบ้านได้หรือป่าว

คำถามนี้ไปทำการบ้านมาให้แล้วค่ะ จาก "น้องตุลย์"ผู้ช่วยหัวหน้าข่าวการเงินของ น.ส.พ.ประชาชาติธุรกิจ นางตอบทันทีว่า ไม่ด๊ายค่ะ ไม่ได้เด็ดขาด

พร้อมกับได้รับคำยืนยันจาก ต้นทางมาจากเครดิตบูโร (บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด) อธิบายนิยามคำว่าแบล็กลิสต์ หมายถึงคุณเคยมีหนี้สินกับสถาบันการเงินและเบี้ยวจ่ายติดต่อกัน 3 เดือนขึ้นไป คุณภาพสินเชื่อของคุณกลายเป็นหนี้เสีย หรือ NPL ทันที

ปัญหาคือเมื่อมีชื่ออยู่ในแบล็กลิสต์แล้ว จะปลดล็อกยังไง ทำได้รวดเร็วแค่ไหน

คำตอบเบื้องต้น ก็จะต้องติดต่อโดยตรงกับสถาบันการเงินเจ้าหนี้ของเรา เจรจาประนีประนอมได้แค่ไหน เช่น พักเงินต้น จ่ายแต่ดอกเบี้ย ฯลฯ เมื่อคุยกันลงตัวแล้ว ทางสถาบันการเงินเจ้าหนี้จะส่งเรื่องไปเครดิตบูโร เพื่อเปลี่ยนสถานะจาก "ผู้เคยค้าง" หรือติดแบล็กลิสต์ กลายเป็น "ปิดบัญชี" (เงื่อนไขเวลากว่าจะจบนาน 36 เดือน)

ระหว่างนี้ ลูกหนี้ที่น่ารักทั้งหลายจะต้องช่วยตัวเอง ด้วยการสร้างวินัยการออม ไปเปิดบัญชีเงินฝาก ทางแบงก์เขาจะดูใจว่าเรามีวินัยแค่ไหน เร็วสุดต้องออมเงินติดต่อกัน 12 เดือนขึ้นไป การขอกู้ใหม่อีกรอบจึงมีโอกาสหวังผล

บางคำถามขอละไว้ในฐานที่เข้าใจนะคะ เช่น มีชื่อติดแบล็กลิสต์ แต่ก็อยากซื้อบ้านภายใต้มาตรการกระตุ้นอสังหาฯ รอบนี้ ทันไหม ? ข้อแนะนำคือจะต้องไปจับเข่าคุยกับเจ้าหนี้ที่ปล่อยกู้เพียงอย่างเดียว ไม่แน่นะคะ ปาฏิหาริย์อาจจะมีจริงก็ได้

ก่อนจบ ฝากข้อคิดจากเครดิตบูโร ทั่นบอกว่า ...เครดิตดีไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook