เปิดใจ "ลูกเขยทักษิณ" ฝ่าวงล้อมคู่แข่ง ไล่ล่าเป้า 2 หมื่นล้าน
1 ม.ค.2558 "ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์" ลูกเขย "ทักษิณ ชินวัตร" นั่งเก้าอี้ซีอีโอ บมจ.เอสซี แอสเสทคอร์ปอเรชั่น อย่างเป็นทางการ หลังเรียนรู้งานมา 3 ปีกว่า ในสไตล์ "เติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน"
ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ซึมลึก ตลาดอสังหาฯแข่งขันรุนแรง "ประชาชาติธุรกิจ" จึงขอเปิดอก "ณัฐพงศ์" ถึงนโยบายและแผนการตลาด นับจากนี้
- ตอนนี้ตลาดแข่งขันกันแรง
ดุเดือดกันขึ้นเรื่อย ๆ อยู่ที่การมอง ผมมองว่าเป็นเพื่อนร่วมวงการดีกว่า แข่งกันเชิงสร้างสรรค์สร้างนวัตกรรมดี ๆ คุณภาพดี ๆ เชื่อว่าทำให้ตลาดโตยั่งยืน การแข่งมีทั้งบวกกับลบ ถ้าบอกด้านลบแข่งด้านราคา อย่างเอสซีผมบอกลูกทีม ทำยังไงให้บริษัทโตตลอดไป โตแบบยั่งยืน ไม่แทงข้างหลัง มีน้ำใจนักกีฬา
- สภาพตลาดที่พูดว่าฟองสบู่
ผมว่าเราไกลจากฟองสบู่ คำว่าฟองสบู่คือราคาอสังหาฯไม่สะท้อนความเป็นจริง ฟองสบู่มีหลายสเกล คนส่วนใหญ่เข้าใจคือราคาคอนโดฯที่ โอเวอร์ไพรซ์ สมมุติราคา 100 แต่คนซื้อไปและเอาไปขาย 105 110 เก็งกำไรขึ้นไปเรื่อย ๆ สุดท้ายราคาวิ่งขึ้นไป 150 ซึ่งราคา จริงไม่ถึง ราคาคอนโดฯขึ้นสูงมาจากต้นทางที่ราคาที่ดินแพงขึ้นมากช่วง 5 ปี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรถไฟฟ้าด้วย แม้การก่อสร้างรถไฟฟ้ายังไม่เสร็จ แต่ราคาที่ดินไปค้างรออยู่
ถามว่าส่งผลไหม อาจจะแพงแต่วันหนึ่งจะสมเหตุสมผล มีเรื่องมิติของเวลามาเกี่ยวข้อง ราคาวันนี้อาจจะแพง แต่เป็นราคาที่มี Potential (มีศักยภาพในการพัฒนา) ในอนาคต
- อัตราการโตของเซ็กเตอร์อสังหาฯ
ปีนี้ไม่มากมีการผันผวนตลอด ปลายปีที่แล้วคาดว่าโตไม่ถึง 5% ถึงครึ่งปีแรกคาดการณ์จะโต 10% ที่โตได้เพราะตลาดลักเซอรี่เป็นตัวขับเคลื่อน หลังทุกคนลงมาเล่นทำให้ภาพใหญ่โตขึ้น แต่พอถึง Q3 จะเห็นตลาดแผ่วลง พอ Q4 ตลาดเริ่มกลับมา ปีนี้ตลาดคงโตกว่าปีที่แล้วไม่มาก
การเปิดตัวใหม่จะโต 5-10% โดยเฉพาะคอนโดฯลักเซอรี่จะโตที่มูลค่า ถ้าเป็นยอดขายรวมปีนี้โตไม่เกิน 5% เพราะช่วง 3 ปีที่ผ่านมาคอนโดฯกับบ้านขายไปมากแล้ว ช่วงนี้เป็นการโอน ปีนี้จึงไม่โตมาก หลายเจ้าก็มองถึงความเสี่ยงธุรกิจ จึงเปิดตัวน้อยลง สะท้อนถึงผลยอดขาย แต่รายได้โตแน่นอน
เอสซีปีนี้จะโต 10% รายได้อยู่ที่ 13,900 ล้านบาท ถือว่าปีนี้ยังเป็นตามแผน ภาพรวมอสังหาฯ Q1-Q2 ดีขึ้นเรื่อย ๆ และบ้านแพงขายดีมาเริ่มแผ่ Q3 แต่บ้านราคากลาง ๆ กลับขายดี แต่ติดปัญหากู้ไม่ผ่านมากขึ้น ส่วนบ้านแพงเดือน ต.ค.กลับมาดีขึ้นใหม่ เป็นสัญญาณที่ดี
- เป็นเพราะมาตรการรัฐ
เชื่อว่าหลาย ๆ อย่าง มาตรการรัฐก็ส่วนหนึ่ง มาตรการช่วยเอสซีทำให้โอนบ้านในสต๊อกง่ายขึ้น เรื่องยอดขายเชื่อว่ามีผลส่วนหนึ่ง แต่เรานำ 27 โครงการมาจัดแคมเปญลดราคาพิเศษ ซึ่ง Q4 เป็นช่วงทุกคนจะมีแคมเปญตลอดอยู่แล้ว
- จะล้างท่อลูกค้าถูกรีเจ็กต์เรตได้หมด
ไม่หมดครับ อัดฉีดรอบนี้ 1 หมื่นล้านน้อยมาก ผมว่าดีกว่าไม่มีอะไร ถ้าวันนี้พูดว่ามาตรการมีผลอะไร มีผลสั้น กลาง ยาว ผมว่ากลางกับยาวมองยาก ช่วงสั้นเชื่อว่าปลายปีนี้คงคึกคัก แต่จะมองถึง ม.ค.ปีหน้าไปต้องรอดูอีกที มาตรการนี้ไม่ได้ไปแก้เรื่องยอดขายหาย ยอดขายปีนี้ไม่ได้แย่มาก แต่ไปแย่คือคนกู้ไม่ผ่าน สำหรับผมมองว่าดีที่กระตุ้นได้ แต่ความเสี่ยงยังอยู่ ไม่ได้ช่วยลดหนี้ครัวเรือนที่สูง
- จะส่งผลดีต่อเอสซียังไง
ที่ช่วยเอสซีคือลดค่าโอนเหลือ 0.01% เท่ากับเซฟไปได้มาก สมมุติบ้าน 10 ล้านค่าโอนจาก 1-2 แสนบาท ปกติแบ่งกันดีเวลอปเปอร์จ่ายแสนหนึ่ง ลูกค้าจ่ายแสนหนึ่ง ก็ลดลงไปเหลือแค่หลักพันหลักหมื่นบาท คนที่ลังเลจะโอน ก็จะโอน ส่งผลดีกับดีเวลอปเปอร์ช่วยลดค่าใช้จ่ายคนซื้อจะเซฟเงินหลักแสนนำไปใช้ซื้อเฟอร์นิเจอร์หรือเอาไปหมุนอย่างอื่นสำหรับเศรษฐกิจที่ชะลอคนมีเงินในกระเป๋า แต่ไม่กล้าใช้เงิน เพราะไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะมีเงินหรือเปล่า สิ่งที่ต้องทำคือทำให้เงินมันขับเคลื่อนให้เงินมันวิ่ง Flow เชื่อว่าระยะสั้นน่าจะโอเค เพราะวันนี้สิ่งที่ประเทศไทยต้องการคือความมั่นใจ
- ประมาณการยอดขายเอสซี Q3-Q4
ยอดขาย 9 เดือนประมาณ 8,285 ล้านบาท โตประมาณ 36% เทียบกับยอดขาย 9 เดือนของปีที่แล้ว ส่วน Q4 น่าจะเป็นไปตามเป้า แต่จะมียอดขายคอนโดฯลดลงกว่าแผนเล็กน้อย เพราะปรับแผนเปิดพรีเซลคอนโดฯตรงสุขุมวิทซอย 32 จากเดิมปลายปีนี้ อาจจะจัดอีเวนต์เปิดเฉพาะแขกวี.ไอ.พี. แต่เปิดขายจริงต้นปีหน้า อยากจะดูตลาดให้ชัดขึ้นอีก แต่เดินหน้าก่อสร้างตามแผน
การใช้เงินทำอีเวนต์ช่วงปลายปีนี้ต้องคิดดี ๆ ดูช่วงเวลาที่เหมาะสม ผมว่าปลายปีนี้ยังไม่ใช่เวลาจะถมค่าการตลาดลงไป จากเดิมจะใช้อยู่ปีละไม่เกิน 4% ตอนนี้ทุกคนอยู่ในช่วงเวตแอนด์ซี ยังไม่มั่นใจว่า พ.ย.กับ ธ.ค.มู้ดคนซื้อบ้านจะกลับมาแค่ไหน ยังไม่ขายวันนี้ก็ยังไม่เสียอะไร
- จะลดค่าใช้จ่ายอะไรอีก
5 ปีนี้เอสซีมีมาตรการรีดไขมัน ไม่ลดคุณภาพ เทียบเอสซีช่วง 10 ปีก่อนที่โตเร็วทั้งกล้ามทั้งไขมัน ถึงเวลาจะสร้างกล้ามเนื้อ เพราะฉะนั้น 2-3 ปีนี้จะเน้นรีดไขมัน การทำงานจะกระชับขึ้น ค่าใช้จ่ายที่ไม่ตอบโจทย์ทั้งบริษัทและลูกค้าจะปรับลดลง ส่วนต้นทุนการบริหารจัดการจาก 6% จะให้อยู่ที่ 5% ใน 3 ปี แต่เอสซีมีการเติบโตอยู่ ยังต้องการคนเพิ่มในการทำงาน แต่ไม่เท่าช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมีคน 800 คน ต่อไปการทำงาน 1 งานจากเดิมใช้ 10 คน จะเหลือ 8 คน และพัฒนาคนให้ทำงานได้มากขึ้น
- แผนธุรกิจ SC ปีหน้า
อยู่ระหว่างประเมิน แต่ยังยืนตามแผนเดิม ปี 2562 รายได้รวมอยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้าโตปีละ 10% แต่ปีหน้าจะดูภาพรวมเศรษฐกิจ ความเสี่ยงแต่สต๊อกโครงการวางไว้สำหรับ 5 ปีหมดแล้ว ถ้าเศรษฐกิจดีเอสซีก็โต 10% ถ้าเศรษฐกิจไม่ได้แรงเหมือนที่คิดอาจจะขยับเล็กน้อยและปีหน้าจะลดงบฯซื้อที่ดินจากปีนี้ 7.5 พันล้านอยู่ที่ 5 พันล้าน