"ข้าวแกงกะหรี่" ฮอตทั่วโลก ยักษ์ญี่ปุ่นเทกโอเวอร์ "โคโค อิจิบัง"

"ข้าวแกงกะหรี่" ฮอตทั่วโลก ยักษ์ญี่ปุ่นเทกโอเวอร์ "โคโค อิจิบัง"

"ข้าวแกงกะหรี่" ฮอตทั่วโลก ยักษ์ญี่ปุ่นเทกโอเวอร์ "โคโค อิจิบัง"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"อาหาร" เป็นหนึ่งในสินค้าทางวัฒนธรรมที่ญี่ปุ่นส่งออกไปทั่วโลกตลอดช่วงหลาย 10 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น ชาเขียว ซูชิ หรือข้าวแกงกะหรี่ โดยถือเป็นหัวหอกสำคัญที่นำวัฒนธรรมญี่ปุ่นเข้าไปปักธงสร้างความคุ้นเคยกับผู้บริโภคในหลายประเทศทั่วโลก เพื่อเบิกทางให้สินค้า และบริการอื่น ๆ ตามเข้าไปตั้งฐาน

ล่าสุด หนึ่งในบริษัทอุตสาหกรรมอาหารของญี่ปุ่นได้ตัดสินใจใช้กลยุทธ์นี้ขยายฐานลูกค้าในตลาดโลกเช่นกัน

สำนักข่าว "นิคเกอิ เอเชียน รีวิว" รายงานว่า "เฮาส์ฟู้ด กรุ๊ป" (House Foods Group) บริษัทอุตสาหกรรมอาหารรายใหญ่ของญี่ปุ่นที่มีสินค้าเด่นอย่างแกงกะหรี่ญี่ปุ่นสำเร็จรูป และน้ำหวานลามูเนะ ตัดสินใจ

ทุ่มเงิน 246 ล้านเหรียญสหรัฐเข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ "อิจิบังยะ" (Ichibanya) บริษัทแม่ของเชนร้านอาหารญี่ปุ่น "โคโค อิจิบัง" (Coco Ichiban) ที่มีร้านกว่า 1,400 สาขา แบ่งเป็น 1,253 สาขาในญี่ปุ่นและอีก 147 สาขาใน 10 ประเทศทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทยด้วย

ในแถลงการณ์ระบุว่า คู่สามีภรรยา "โทคุจิ" และ "นาโอมิ มุเนะซึกุ" ผู้ก่อตั้งบริษัทอิจิบังยะตัดสินใจขายหุ้น 23.17% ที่ตนถืออยู่ให้กับ "เฮาส์ฟู้ด กรุ๊ป" เช่นเดียวกับผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่น ๆ ซึ่งส่งผลให้บริษัทกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของอิจิบังยะด้วยสัดส่วน 51%

"ฮิโรชิ อุระคามิ" ประธานของเฮาส์ฟู้ด กรุ๊ปกล่าวว่า ดีลนี้จะช่วยกระชับความร่วมมือของทั้ง 2 บริษัทในทุกระดับตั้งแต่ซัพพลายเออร์ที่เป็นต้นน้ำ ไปจนถึงเชนร้านอาหารที่เป็นปลายน้ำ รวมถึงเพิ่มโอกาส และความคล่องตัวในการทำธุรกิจ อาทิ การสร้างเมนูใหม่ ๆ และโปรโมชั่นต่าง ๆ ที่จะเข้มข้นมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายบางอย่างได้อีกด้วย

อย่างไรก็ตามธุรกิจในต่างประเทศของทั้ง 2 บริษัทจะเป็นส่วนที่ได้รับผลประโยชน์จากดีลนี้มากที่สุด โดย "เฮาส์ฟู้ด กรุ๊ป" ได้ร่วมมือกับ "อิจิบังยะ" บริหารร้าน "โคโค อิจิบัง" ในจีนมาตั้งแต่ปี 2004 จนปัจจุบันมีสาขาในจีนกว่า 46 สาขา ในหัวเมืองใหญ่ อาทิ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และมีเป้าจะเพิ่มเป็น 100 สาขาในปี 2017

ซึ่ง "เฮาส์ฟู้ด กรุ๊ป" ได้อาศัยร้านสาขาเหล่านี้สร้างกระแสนิยมแกงกะหรี่ญี่ปุ่นในตลาดจีนเพื่อปั้นยอดขายแกงกะหรี่สำเร็จรูปของตนตามเป้าที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจากเดิม10%ในปี 2014 ให้เป็น15% ภายในปี 2017 สอดคล้องกับความเห็นของนักวิเคราะห์ที่ว่า ความเคลื่อนไหวนี้เป็นความพยายามขยายตัวไปยังตลาดต่างประเทศของ "เฮาส์ฟู้ด กรุ๊ป" หลังอัตราการเกิดลดลงต่อเนื่องจนประเทศเข้าสู่วิกฤตสังคมผู้สูงอายุกำลังทำให้อนาคตของบริษัทในตลาดญี่ปุ่นไม่สดใสนักเช่นเดียวกับฝ่าย"อิจิบังยะ" ที่น่าจะมองว่าการเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทยักษ์ใหญ่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในระยะยาว

ทั้งนี้"อิจิบังยะ"มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับ "เฮาส์ฟู้ด กรุ๊ป" ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์มาตลอดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทเมื่อปี 1982 และต่อมาในปี 2002 "เฮาส์ฟู้ด กรุ๊ป" ได้ขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ของอิจิบังยะด้วยจำนวนหุ้น 20% ก่อนจะขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในดีลล่าสุดนี้

"หากต้องการสร้างวัฒนธรรมอาหารที่เข้มแข็งในต่างประเทศแล้วล่ะก็ ไม่มีเครื่องมือใดจะดีไปกว่าเชนร้านอาหารอีกแล้ว" ฮิโรชิ อุระคามิ กล่าวทิ้งท้าย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook