ชงรัฐบาลขุด"คลองคอดกระ" ชี้ สร้างรายได้5แสนล้าน/ปี กระตุ้นลงทุน2ล้านล้านบ.
เครือข่ายรณรงค์ ขุดคลองกระไทย เตรียมรณรงค์ผลักดันรัฐบาลเดินหน้าโครงการขุดคลองกระไทย เกิดผลดีด้านความมั่นคง การค้าการลงทุน สร้างรายได้ให้ประชาชนเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5 แสนบาทต่อคนต่อปี ชี้ต้องเดินหน้าในรัฐบาลนี้เท่านั้น เพราะการเมืองปกติไม่สามารถผลักดันได้
นายพิเชียร อำนาจวรประเสิรฐ ประธานเครือข่ายรณรงค์ ขุดคลองกระไทย และอดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2550 กล่าวในงานสัมมนา “อนาคตเศรษฐกิจ พลังงานไทย ก้าวไกลด้วยโครงการขุดคลองกระไทย” ว่า การขุดคลองกระจะช่วยย่นระยะทางได้กว่า 1,500 กิโลเมตร ร่นระยะเวลาเดินทางระหว่างมหาสมุทรอินเดีย และทะเลจีนใต้ได้ 3 ถึง 4 วัน ลดค่าใช่จ่ายได้ร้อยละ 15 จากปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางเรือในภูมิภาคเอเชียเทนที่สิงคโปร์ได้ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลตั้งคณะทำงานขึ้นมาศึกษารายละเอียดให้แล้วเสร็จ และเริ่มเดินหน้าโครงการได้ภายใน 1 ถึง 2 ปี
สำหรับการลงทุนนั้น ไทยไม่มีความจำเป็นต้องลงทุนเอง เพราะจีนและญี่ปุ่นพร้อมที่จะเข้ามาลงทุน หากรัฐบาลเห็นว่าโครงการนี้มีประโยชน์ก็เร่งเดินหน้าได้ทันที อย่างไรก็ตาม จะต้องรับฟังผลกระทบทั้งด้านสิ่งแวดล้อม ชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนด้วย เพราะต้องยอมรับว่าโครงการขนาดใหญ่จะต้องมีผลกระทบบ้าง แต่ในภาพรวมเป็นผลดีต่อประเทศ
ด้านนายเชียรช่วง กัลยาณมิตร กรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ สาขาเศรษฐศาสตร์และบริหารธุรกิจ กล่าวว่า ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในพม่าขณะนี้ ทำให้จีนมีความจำเป็นต้องใช้ลาวและไทย เป็นทางออกสู่มหาสมุทรอินเดีย ตามแผนชาติฉบับที่ 12 ของจีน ว่าด้วยการสร้างเส้นทางสายไหมทางทะเล ทำให้จีนมีความต้องการขุดคลองกระ ซึ่งไทยจะได้ประโยชน์จากการกำหนดพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ 2 ฝั่งคลองที่ขุดขึ้น
โดยตลอด 10 ปี ที่ก่อสร้างจะก่อให้เกิดการจ้างงานรวมกว่า 2,500,000 ตำแหน่ง รวมถึงกระตุ้นให้เกิดการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศไม่ต่ำกว่า 2 ล้านล้านบาท สร้างรายได้ให้คนไทยเฉลี่ย 5 แสนบาทต่อคนต่อปี ทั้งนี้ หากจากมีการผลักดันต้องทำในรัฐบาลนี้เท่านั้น เพราะที่ผ่านมาแม้จะมีการพูดเรื่องนี้หลายครั้ง แต่การเมืองปกติไม่สามารถผลักดันได้
ด้านพล.ร.อ.ศุภกร บูรณดิลก อดีตผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ และอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ กล่าวว่า การขุดคลองกระจะทำให้กองเรือซึ่งอยู่ในอ่าวไทย สามารถร่นระยะเวลาในการเดินทางไปยังฝั่งอันดามันได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งด้านความมั่นคง และภารกิจช่วยเหลือกู้ภัย หากเกิดภัยพิบัติ เช่น สึนามิ เหมือนครั้งที่ผ่านมา