6 บอร์ดเกม ที่ช่วยพัฒนาทักษะทางการเงิน
การบริหารเงินอาจดูเป็นเรื่องที่ยุ่งยากซับซ้อน เพราะต้องยุ่งเกี่ยวกับตัวเลขจำนวนมาก ต้องใส่ใจในรายละเอียด รวมถึงอาจดูเป็นเรื่องที่ไม่น่าสนุกและเหน็ดเหนื่อย แต่โชคดีครับ ที่มีคนได้คิดค้นการบริหารเงินให้เป็นเรื่องที่น่าสนุกขึ้นมา โดยใช้ บอร์ดเกม หรือ เกมกระดาน เป็นสื่อในการสอน ที่จะทำให้การบริหารเงินไม่ใช่เรื่องที่น่าเบื่ออีกต่อไป แต่จะได้ทั้งความสนุกและความรู้ไปพร้อม ๆ กัน ส่วน บอร์ดเกม ที่ว่านั้นจะมีเกมอะไรบ้าง MoneyGuru.co.th ได้รวบรวมมาให้อ่านกันแล้วครับ
1. เกม Cashflow 101
เกมนี้ได้รับการคิดค้นขึ้นมาโดย Robert T. Kiyosaki เป็นเกมที่จะสอนให้ผู้เล่นรู้จักการบริหารจัดการทรัพย์สินของตนเอง สร้างความมั่นใจในการลงทุนและอสังหาริมทรัพย์ เกมนี้เหมาะสำหรับเด็กอายุ 14 ปีขึ้นไป แต่ก็มีเกม Cashflow for kids ที่ให้เด็กตั้งแต่อายุ 6 ปีขึ้นไปเล่นได้เช่นกันครับ
สำหรับเกมนี้ จะสอนให้ผู้เล่นรู้จักการบริหารสินทรัพย์ รู้จักการลงทุน ทำความเข้าใจงบการเงิน รู้จักการทำบัญชี ชี้ให้เห็นความแตกต่างระหว่างสินทรัพย์และหนี้สิน รวมถึงให้ความรู้ด้านการลงทุนในหุ้นและอสังหาริมทรัพย์ เรียกได้ว่า สอนให้รู้จักการลงทุนและการบริหารเงินแบบครบถ้วนเลยแหละครับ เกมนี้มีราคาอยู่ที่ 85 ดอลลาร์สหรัฐฯ สามารถหาซื้อได้กับทางเว็บไซต์ของผู้ผลิตครับ
2. เกม Monopoly
เกม Monopoly เป็นหนึ่งในเกมที่ได้รับความนิยมตลอดกาลในหลายประเทศ หลายเวอร์ชั่น และหลายภาษา โดยกติกามีอยู่ว่า ผู้เล่นจะต้องเคลื่อนที่ไปรอบ ๆ กระดาน และจัดการสถานการณ์ตามโอกาสที่ได้รับ ผู้เล่นสามารถซื้อทรัพย์สิน นำไปจำนอง เก็บค่าเช่า ดูแลรักษาอสังหาริมทรัพย์ได้ ในขณะที่ต้องระวังการถูกจับ หรือล้มละลาย สำหรับการตัดสินแพ้ชนะ จะตัดสินโดยรายได้สุทธิที่นับจากทรัพย์สินและเงินสด ใครมีมากที่สุดจะเป็นผู้ชนะครับ
เกมนี้สอนให้ผู้เล่นรู้จักการบริหารเงินสด หรือการทำธุรกรรมทางการเงิน จัดการกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น ภาษี หรือเหตุฉุกเฉิน จัดการความสมดุลระหว่างรายได้และรายจ่าย การเจรจาทางการเงิน การถือครองทรัพย์สิน ให้โอกาสผู้เล่นในการเจรจาเพื่อจำนองในการที่จะได้เงินมากขึ้น ความรู้พื้นฐานด้านคณิตศาสตร์การเงิน การลงทุนและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เกมนี้สามารถหาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าและทางเว็บไซต์ครับ ราคาอยู่ที่ 18.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ
3. The Game of Life
เกมนี้ถูกสร้างขึ้นมาเป็นเวลามากกว่า 150 ปีแล้ว โดยเกมนี้ ได้ให้ความรู้ผู้คนมาหลายยุคหลายสมัย และถูกผลิตออกมาหลายเวอร์ชั่น ได้รับการปรับปรุงใหม่หลายครั้ง ทั้งนี้ เกมนี้ผู้เล่นจะชนะได้ก็ต่อเมื่อมีรายได้สุทธิมากที่สุด ผู้เล่นจะต้องเลือกเส้นทางชีวิตเหมือนในชีวิตจริง ๆ เช่น ขนาดของครองครัว อาชีพ เป็นต้น
สำหรับวิธีการเล่นนั้น เกมนี้สามารถเล่นได้ 2-6 คน ผู้เล่นควรมีอายุตั้งแต่ 9 ปีขึ้นไป เกมนี้จะสอนให้เด็ก ๆ ได้รู้จักความซับซ้อนของการตัดสินใจทางการเงิน และสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในชีวิตจริง เช่น ผลกระทบที่เกิดจากการศึกษาและอาชีพ ดอกเบี้ยทบต้นและการชำระหนี้ ผลกระทบของการว่างงาน การมีลูก และการถูกฟ้องคดี ผลกระทบจากภาษี หนี้สิน การใช้จ่ายเกินรายได้ และความสำคัญของการเริ่มต้นลงทุน ส่วนราคานั้นเกมนี้จะมีราคาอยู่ที่ 23.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ ครับ
4. Payday
เกมนี้จะสอนผู้เล่นให้รู้จักการบริหารเงินใน 1 เดือน โดยกระดานจะเป็นปฏิทินวันที่ 1- 31 ผู้เล่นก็จะเดินหมากผ่านวันทั้ง 31 นี้ และจัดการกับหนี้ต่าง ๆ และค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้วางแผนเอาไว้ รวมถึงสถานการณ์ทางการเงินอื่น ๆ ไปจนถึงวันที่จะได้รับเงินเดือน คือ วันสุดท้ายของเดือน เกมนี้จะตัดสินแพ้ชนะด้วยจำนวนเงินที่ผู้เล่นมีอยู่เมื่อเลิกเล่น
สำหรับวิธีการเล่นนั้น เกมนี้สามารถเล่นได้ 2-4 คน ผู้เล่นควรมีอายุ 8 ปีขึ้นไป เกมนี้จะสอนให้ผู้เล่นรู้จักการใช้จ่ายเงินภายใน 1 เดือนให้พอดี พร้อมทั้งตัดสินใจว่า ใน 1 เดือนควรใช้เงินเท่าใด และสอนให้รู้จักการวางแผนค่าใช้จ่ายและการชำระหนี้ สอนให้รู้จักการเก็บเงิน และตั้งวงเงินฉุกเฉิน เกมนี้ ดูน่าจะเหมาะสำหรับมนุษย์เงินเดือนมากที่สุดครับ โดยมีราคาอยู่ที่ 17.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ และถ้าเกมชุดใหญ่จะมีราคา 34.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ ครับ
5. Charge Large
เกมนี้จะสอนให้ผู้เล่นรู้จักการใช้เครดิต โดยตอนเริ่มเกม ผู้เล่นจะได้รับบัตรเครดิต และจะต้องอัพเกรดบัตรเครดิตของตัวเองให้อยู่ในระดับที่สูงขึ้นให้ได้ ผู้ชนะจะต้องไม่มีหนี้ และจะต้องมีเงินสด 2,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่ในมือด้วย
สำหรับวิธีการเล่นเกมนี้ สามารถเล่นได้ 2-4 คน ผู้เล่นควรมีอายุ 12 ปีขึ้นไป เกมนี้จะสอนให้ผู้เล่นรู้จักความรับผิดชอบในคะแนนเครดิตของตัวเอง โดยจะสอนให้ผู้เล่นรู้จักการสร้างเครดิตให้อยู่ในระดับที่สูงขึ้นเพื่อเข้าถึงวงเงินบัตรเครดิตที่สูงขึ้นให้ได้ สอนให้รู้ว่า การเพิ่มหนี้บัตรเครดิตโดยไม่มีการเก็บเงินและการลงทุนจะนำไปสู่หายนะ การจ่ายด้วยบัตรเครดิตจะทำให้ต้องจ่ายดอกเบี้ย และการเพิ่มวงเงินบัตรเครดิตนั้นมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดการใช้บัตรเกินวงเงิน ซึ่งเกมนี้มีราคาอยู่ที่ 19.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ ครับ
6. Daytrader
เกมนี้ค่อนข้างใหม่เลยที่เดียว เพราะเพิ่งออกมาในปี 2013 นี้เอง เกมนี้สอนให้ผู้เล่นรู้จักการเล่นหุ้น เช่น การซื้อหุ้นตอนราคาถูก และขายออกในตอนที่ราคาแพง เป็นต้น และในขณะเดียวกัน ต้องไต่เต้าเพื่อเลื่อนตำแหน่งในงานประจำด้วย และยังมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดให้พบเจออีกมากมาย เช่น การเปลี่ยนแปลงเงินเดือน ภาษี และบริษัทประสบปัญหาทางการเงิน โดยผู้ชนะจะต้องเป็นผู้ที่สามารถเกษียณตัวเองออกจากบริษัทได้เป็นคนแรกครับ
ทั้ง 6 บอร์ดเกม ที่เราแนะนำมานี้ เป็นเกมที่น่าสนใจทั้งนั้นเลยนะครับ ท่านผู้อ่านเคยเล่นเกมไหนกันบ้างครับ? เหมาะแก่การซื้อหาให้บุตรหลานได้เล่นยามว่าง หรือหากต้องการย้อนวัย ก็สามารถนำมาเล่นกับเพื่อน ๆ วัยทำงานด้วยกันก็ยังได้ครับ นอกจากการใช้เกมสอนให้บุตรหลานรู้จักการใช้เงินแล้ว คุณยังสามารถสอนได้ด้วยตัวเอง ซึ่งวิธีการสอนเด็กเกี่ยวกับเรื่องเงินนั้น สามารถติดตามได้ที่ 6 ไม้เด็ดสอนลูกรักการออม!
และหากท่านผู้อ่านสนใจเคล็ดลับอื่น ๆ เกี่ยวกับการเงินสามารถติดตามต่อได้ที่ บล็อก ของ MoneyGuru.co.th ครับ