ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ดิ่งเหวหนัก แตะจุดต่ำสุดในรอบ 11 ปี
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ แตะจุดต่ำสุดในรอบ 11 ปี นักลงทุนหวั่น วิกฤตซัพพลายล้นตลาดลากยาวไปถึงปีหน้า เนื่องจากบรรดาผู้ผลิตยังปั๊มน้ำมันส่วนเกินออกมาอย่างต่อเนื่อง
ราคาน้ำมันในตลาดโลกทั้งที่ 2 ตลาดหลัก ที่กรุงลอนดอน และมหานครนิวยอร์คปรับตัวลดลงแตะจุดต่ำสุดในรอบ 11 ปีทีเดียว หลังจากเกิดความวิตกกังวลว่า ปริมาณน้ำมันล้นตลาดนั้นจะลากยาวไปถึงปี 2016 อันเนื่องมาจากบรรดาผู้ผลิตน้ำมันทั้งใน และนอกกลุ่มโอเปกนั้นยังผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ในการซื้อขายที่ตลาดลอนดอน ของอังกฤษนั้นปรับลดลง 61 เซนต์ ไปปิดที่ 36.27 ดอลลาร์ต่อบาเรลล์ โดยในระหว่างการซื้อขายนั้นราคาได้อ่อนตัวลงไปมากถึง 2% ไปแตะระดับราคา 36.04 ดอลลาร์ต่อบาเรลล์ อันเป็นราคาที่ต่ำที่สุดในรอบ 11 ปี นับตั้งแต่เดือน ก.ค. 2004 ทีเดียว ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ตลาดไนเม็กซ์ของสหรัฐฯ ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 1 เซนต์ ปิดที่ 34.74 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาเรลล์ แต่ทว่าในระหว่างการซื้อขายราคาได้ลงไปแตะที่ 33.98 ดอลลาร์ต่อบาเรลล์ เป็นราคาที่ต่ำที่สุดในรอบ 7 ปี เช่นกัน
ด้าน แพททริเซีย มอร์ รองประธานด้านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ของธนาคารสโกเทีย แบงก์ กล่าวว่า ปี 2016 จะยังคงเป็นปีที่น่าจับตาอย่างยิ่งสำหรับ บรรดาผู้ผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ โดยที่จะยังมีการแข่งขันอย่างดุเดือดในตลาดตลาดน้ำมันโลกในช่วงครึ่งแรกของ ปี 2016 นี้ โดยเฉพาะถ้าหากผลการยกเลิกคว่ำบาตรอิหร่านมีผลบังคับใช้จริงจังซึ่งจะยิ่งทำ ให้อิหร่านปั๊มน้ำมันออกสู่ตลาดอย่างเต็มที่
ส่วนประเทศผู้ผลิตอื่นๆก็ยังคงเดินหน้าผลิตน้้ำมันส่วนเกิน อย่างต่อเนื่อง เช่น อิรัก ได้ส่งน้ำมันออกสูตลาดเกินจากโควต้ามากถึง 930,000 บาเรลล์ต่อวันมาตั้งแต่เดือน พ.ย. 2014 ขณะที่ซาอุดีอาราเบียก็ผลิตน้ำมันออกมาเพิ่ม 580,000 บาเรลล์ต่อวันเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ธนาคารเพื่อการลงทุน “โกลแมนด์ แซคส์” คาดการณ์ว่ามีโอกาสสูงที่ราคาน้ำมันจะดิ่งฮวบลงไปอยู่ที่ 20 ดอลลาร์ต่อบาเรลล์ทีเดียว ก่อนจะเริ่มการปรับความสมดุลใหม่