รายได้2.4แสน ไม่เสียภาษี ปรับสูตรใหม่เหลือ6ขั้น-เพดานสูงสุด30%
มนุษย์เงินเดือนเฮ ! คลังรื้อภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาใหม่ ให้ผู้รายได้สุทธิไม่เกิน 2-2.4 แสนบาท/ปีไม่ต้องจ่ายภาษี ปรับช่วงชั้นเงินได้จาก 7 ขั้นเหลือ 6 ขั้น ลดเพดานจัดเก็บสูงสุดจาก 35% เหลือ 30%
ผู้ประกอบการตีปีกรับมาตรการลดหย่อนภาษีซื้อสินค้า-บริการไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท ศูนย์การค้า ห้างค้าปลีกอัดโปรโมชั่นรับคึกคัก ให้ส่วนลดเพิ่ม-แจกคูปอง-ของขวัญ-เครดิตเงินคืน
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ต้นปี 2559 ตั้งแต่เดือน ม.ค.เป็นต้นไป กระทรวงการคลังจะเดินหน้าปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาทันที ส่วนรายละเอียดและหลักเกณฑ์เกี่ยวกับค่าลดหย่อนต่าง ๆ ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียด
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้นายอภิศักดิ์กล่าวในงานสัมมนา Engineer dinner talk หัวข้อ "มองเศรษฐกิจ สังคมไทยในปี 2016" จัดโดยสมาคมนิสิตเก่าคณะวิศวกรรมศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" ว่า รัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นการบริโภคของประชาชนออกมา และยังเตรียมปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาด้วยโดยจะลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอัตราสูงสุดที่ 35% ให้ต่ำลงกว่าเดิม เพื่อไม่ให้ห่างจากอัตราการจัดเก็บภาษีนิติบุคคลที่ลดเหลือ 20% ในปัจจุบันมากเกินไป พร้อมกับปรับรายละเอียดเกี่ยวกับการลดหย่อนภาษีให้หักลดหย่อนได้มากขึ้น เพื่อให้สะท้อนความจริงมากขึ้น ซึ่งน่าจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อปีหน้าได้" นายอภิศักดิ์กล่าว
รายได้ต่ำ 2.4 แสน/ปี ยกเว้นภาษี
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2558 ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังเสนอแนวทางการปรับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเข้าหารือใน ครม. ผลการหารือในรายละเอียดยังไม่ได้ข้อสรุปอย่างชัดเจน โดยเบื้องต้นจะมีการปรับช่วงเงินได้สุทธิแต่ละขั้นใหม่ จากเดิมกำหนดช่วงเงินได้สุทธิไว้ 7 ขั้น ปรับลดเหลือ 6 ขั้น เพดานอัตราภาษีสูงสุดจากเดิมอยู่ที่ 35% ลดเหลือสูงสุด 30%
ขณะเดียวกันส่วนของการยกเว้นภาษีให้กับผู้มีรายได้น้อย จากปัจจุบันผู้มีเงินได้ที่ได้รับการยกเว้นภาษีคือไม่เกิน 1.5 แสนบาทแรก/ปี จะขยับเป็นรายได้ 2 แสนบาท หรือ 2.4 แสนบาท/ปี ได้รับยกเว้นภาษี
ทั้งนี้ ปัจจุบันอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามีดังนี้ เงินได้สุทธิ 1-150,000 บาท/ปี ได้รับยกเว้นภาษี เงินได้สุทธิ 150,001-300,000 บาท/ปี อัตราภาษี 5% เงินได้สุทธิ 300,001-500,000 บาท/ปี อัตราภาษี 10% เงินได้สุทธิ 500,001-750,000 บาท/ปี อัตราภาษี 15% เงินได้สุทธิ 750,001-1,000,000 บาท/ปี อัตราภาษี 20% เงินได้สุทธิ 1,000,001-2,000,000 บาท/ปี อัตราภาษี 25% เงินได้สุทธิ 2,000,001-4,000,000 บาท/ปี อัตราภาษี 30% และเงินได้สุทธิ 4,000,000 บาท/ปีขึ้นไป อัตราภาษีสูงสุด 35%
มาตรการช็อปปิ้งได้ลดหย่อนภาษี
ขณะเดียวกันนายอภิศักดิ์กล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2558 (การให้หักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือบริการในประเทศ) ที่มีผลในช่วงตั้งแต่วันที่ 25-31 ธ.ค. 2558 ว่า แม้ภาครัฐจะสูญเสียรายได้ราว 4,000-5,000 ล้านบาท แต่จะได้รับผลบวกกลับมาทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยจะทำให้เศรษฐกิจช่วงปลายปี 2558 ขยายตัวได้ 0.1-0.2%
"การทำลักษณะนี้จะมีประโยชน์หลายอย่าง 1) เป็นของขวัญให้ผู้ที่เสียภาษีแล้วได้คืนภาษี 2) ทำให้การใช้จ่ายของประเทศเพิ่มขึ้น ในช่วงมาตรการนี้ จะทำให้ GDP เพิ่มขึ้น 0.1-0.2% ทำให้บรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยดีขึ้น เพราะปีที่ผ่านมาการบริโภคไม่ค่อยโต ทั้ง ๆ ที่คนไทยมีเงินพอสมควร แต่ไม่มีอารมณ์อยากจะซื้อ"
นอกจากจะทำให้เกิดการหมุนเวียนของการใช้จ่าย ยังเป็นพื้นฐานของการที่ร้านค้าจะเข้าสู่ระบบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เพราะประชาชนจะเรียกขอใบกำกับภาษีจากร้านค้า เป็นการสร้างวัฒนธรรมของการเสียภาษีที่ถูกต้องให้กับร้านค้าด้วย
สรรพากรแจงสิทธิ์ลดหย่อนภาษี
นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวเน้นว่าผู้จะได้รับสิทธิ์คือบุคคลธรรมดา ที่ซื้อสินค้าระหว่าง 25-31 ธ.ค. 2558 รวม 7 วัน ส่วนคณะบุคคลจะไม่ได้รับสิทธิ์ โดยบุคคลธรรมดาต้องซื้อสินค้าจากผู้จดทะเบียนภาษี VAT เท่านั้น จึงสามารถนำเงินที่ซื้อสินค้าและบริการดังกล่าวมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี 2558 ได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท
ทั้งนี้ ต้องมีหลักฐานใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ (จะมีตัวอย่างในเว็บไซต์กรมสรรพากร) ขณะเดียวกันจะต้องเป็นการซื้อและชำระสินค้าและบริการภายในประเทศ ระหว่าง 25-31 ธ.ค. 2558 เท่านั้น หากสินค้ารายการใดได้รับยกเว้น VAT เป็น 0% ก็ไม่เข้าเงื่อนไข เช่น ร้านค้าปลอดภาษี (ดิวตี้ฟรี) เว้นแต่เป็นสินค้าที่มีป้ายสีฟ้าที่เสีย VAT เป็นต้น นอกจากนี้จะยกเว้นสินค้าที่ไม่เข้าเงื่อนไข ได้แก่ 1) สุรา เบียร์ และไวน์ 2) ยาสูบ 3) น้ำมัน และก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ และ 4) รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ
"พวกค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ก็ไม่ได้สิทธิ์ เพราะเป็นการใช้บริการก่อนหน้า ขณะที่ค่าบริการที่ซื้อเป็นแพ็กเกจอย่างเช่น สปา ที่มีบัตรเป็นเล่ม ใช้บริการได้ 15 ครั้ง ถ้าช่วง 7 วันนี้ใช้แค่ 1 ใบ กรณีนี้จะไม่ได้ หรือกรณีซื้อสินค้า หรือชำระหลายครั้ง มีใบกำกับหลายใบ สามารถเอามาใช้รวมกันได้ แต่ไม่เกิน 15,000 บาท แล้วก็มีคำถามว่า ถ้าทำศัลยกรรมหน้าอก เสริมจมูก ถ้าสถานบริการออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ และอยู่ในระบบ VAT ก็ได้ แต่โดยทั่วไปสถานบริการเหล่านี้ไม่ค่อยอยู่ในระบบ VAT กัน"
อย่างไรก็ดี กรณีการใช้จ่ายเพื่อซ่อมยานพาหนะสามารถใช้สิทธิ์ได้ ส่วนการซื้อประกันอุบัติเหตุไม่สามารถใช้สิทธิ์ได้ เพราะไม่ได้อยู่ในระบบ VAT เช่นเดียวกับการซื้อทองคำรูปพรรณจะใช้สิทธิ์ได้เฉพาะในส่วนของค่ากำเหน็จเท่านั้น
ต้องใช้ใบกำกับภาษีคนละใบ
นายประสงค์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้รัฐบาลยังมีมาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการท่องเที่ยวด้วยอีกมาตรการหนึ่ง โดยผู้ใช้บริการท่องเที่ยวสามารถนำใบกำกับมาใช้บริการตามมาตรการภาษีสำหรับการช็อปปิ้งได้เพียง 1 ใบกำกับต่อ 1 สิทธิ์ หรือหากค่าบริการท่องเที่ยวมูลค่า 2 หมื่นบาท จะใช้ 2 สิทธิ์เลยไม่ได้ แต่ถ้าไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท สามารถให้ออกใบกำกับ 2 ใบ แยกเป็น 1.5 หมื่นบาท กับ 5,000 บาทได้ ส่วนการซื้อบัตรประเภทกิฟต์โวเชอร์ หรือบัตรของขวัญสำหรับเป็นค่าบริการต่าง ๆ หากใช้บริการยังไม่เกิดก็ใช้สิทธิ์ลดหย่อนไม่ได้
"พวกบริการนวดหน้า สปา ถ้าใช้บริการช่วง 25-31 ธ.ค.จะใช้สิทธิ์ได้ หรือสุภาพบุรุษไปใช้บริการย่านรัชดาฯ มีค่าบริการออกมาก็หักได้ ถ้ามีใบกำกับภาษี"
"สามี-ภรรยา" ใช้ได้สิทธิ์เดียว
อธิบดีกรมสรรพากรกล่าวอีกว่า กรณีใบกำกับภาษีที่มีผู้ซื้อหลายคน อาทิ สามี-ภรรยาซื้อสินค้าราคาที่มากกว่า 15,000 บาท จะนำมาแยกเป็น 2 สิทธิ์จากสินค้ารายการเดียวกันไม่ได้ โดยกรณีแบบนี้จะให้หักภาษีได้คนเดียว ซึ่งหากทำอาจจะเกิดความไม่สะดวกในการขอคืนภาษีภายหลังได้ พร้อมยืนยันว่า การยื่นแบบฯผ่านอินเทอร์เน็ตในช่วงหลังปีใหม่ กรมสรรพากรขอเวลา 8 วัน เพื่อปรับปรุงระบบคอมพิวเตอร์ให้รองรับมาตรการใหม่นี้ แต่จะไม่กระทบการคืนภาษีแน่นอน
กระแสซื้อทองลดภาษีไม่แรง
ด้านมุมมองของผู้ประกอบธุรกิจต่อมาตรการดังกล่าว นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำและเจ้าของร้านทองจินฮั้วเฮง ให้ความเห็นว่า หลังรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการให้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีค่ากำเหน็จทองคำ ในส่วนของห้างทอง "จินฮั้วเฮง" มีลูกค้าโทรศัพท์เข้ามาสอบถามถึงรายละเอียดการลดหย่อนบ้าง ซึ่งทางร้านได้เตรียมพร้อมที่จะออกใบกำกับภาษีตามที่รัฐบาลกำหนด หากประชาชนสนใจซื้อสินค้า
"หลังจากรัฐบาลประกาศก็ยังไม่ได้มีคนมาต่อคิวซื้อทองคำยาวมากนัก แต่มีคนโทรมาถามเยอะว่ามาตรการนี้ทำอย่างไร แสดงว่าหลายคนยังไม่เข้าใจ ส่วนปริมาณทองคำรูปพรรณรับรองว่าไม่ขาดตลาดแน่ เพราะเราเตรียมของไว้พร้อมขายจนถึงตรุษจีนปีหน้าอยู่แล้ว"
ทั้งนี้ ประชาชนที่จะเข้ามาซื้อทองคำต้องทำความเข้าใจด้วยว่า การได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีนั้น จะอยู่ในส่วนของค่ากำเหน็จ ไม่ได้ลดจากในส่วนของราคาทองคำ และลดให้เฉพาะทองรูปพรรณเท่านั้น การซื้อทองคำแท่งไม่ได้รับสิทธิ์เพราะได้รับการยกเว้น VAT อยู่แล้ว
ห้างอัดแคมเปญรับ
สำหรับความเคลื่อนไหวของห้างสรรพสินค้าและห้างค้าปลีก นางสาววารุณี กิจเจริญพูลสิน ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บมจ. บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ กล่าวว่า มาตรการที่ออกมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงโค้งสุดท้ายของปีได้ ซึ่งบิ๊กซีได้ตอบรับด้วยการออกโปรโมชั่น "ช้อปเพื่อชาติ" รวมสินค้านำมาลดราคากว่า 15,000 รายการ และเตรียมความพร้อมของพนักงานประจำจุดออกใบกำกับภาษี โดยจะเพิ่มจำนวนพนักงานดูแลจุดดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากปกติ รองรับผู้ใช้บริการที่อาจหนาแน่น
"เรายังเตรียมสินค้าที่ช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งปกตินิยมซื้อมอบเป็นของขวัญ รายการสินค้าไฮไลต์ เช่น โทรทัศน์สี LED 40 นิ้ว Full HD 1080 ราคาพิเศษ 9,990 บาท ตู้เย็น Samsung 2 ประตู 10.8 คิว ราคาพิเศษ 8,990 บาท สมาร์ทโฟน Samsung Galaxy J7 รองรับ 4G LTE ราคา 8,900 บาท"
นายอนวัช สังขะทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายการตลาด บมจ. ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ให้ความเห็นในทำนองเดียวกันว่า โรบินสันจะมอบบัตรของขวัญมูลค่า 300 บาท สำหรับลูกค้าที่ช็อปปิ้งครบ 15,000 บาท ระหว่าง 25-31 ธันวาคมนี้ เพื่อตอบสนองนโยบายช่วยกระตุ้นการจับจ่าย คาดว่ากลุ่มสินค้าที่จะได้รับความนิยมและจับจ่ายสูงสุดจะเป็นหมวดสินค้าบิวตี้ แฟชั่น และของตกแต่งบ้าน พร้อมเตรียมตั้งจุดออกใบกำกับภาษีเพิ่มขึ้นในทุกสาขา มีอยู่ 42 แห่ง แต่ละสาขามีไม่เกิน 2 จุด มีพนักงานประจำ 2-4 คน ทั้งพนักงานประจำและรับพนักงานพาร์ตไทม์เพิ่ม
ปลุกกำลังซื้อเพิ่ม 20%
"มาตรการนี้เป็นผลดีทั้งกระตุ้นการจับจ่าย มีผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ และเชิงจิตวิทยาในการกระตุ้นผู้บริโภคให้ออกมาจับจ่ายมากยิ่งขึ้น เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับเพิ่มขึ้นจากเดิมมากกว่า 20% ปีหน้าภาครัฐควรขยายเวลาของมาตราการเพิ่มจำนวนวันให้มากขึ้น และโปรโมตล่วงหน้าจะยิ่งช่วยให้เศรษฐกิจตื่นตัว เพราะสัปดาห์สุดท้ายของปีคือจุดพีกที่สุดของการจับจ่าย และเป็นช่วงที่ทุกห้างร้านมียอดขายสูงสุดของปี"
ส่วนนายชำนาญ เมธปรีชากุล รองประธานกรรมการบริหาร บจ. เดอะมอลล์ กรุ๊ป เปิดเผยว่า ได้ปรับโปรโมชั่นเพิ่มเติม ด้วยการให้ส่วนลดเพิ่มอีก 12.5% เมื่อนำคะแนนในบัตรสมาชิก M Card เท่ากับยอดซื้อสินค้าจากที่ลดราคาอยู่แล้ว เพื่อให้ลูกค้าได้ซื้อสินค้าประหยัดเพิ่มขึ้น
ขณะที่นายณัฏฐ์ จริตชนะ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มการตลาด บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ เปิดเผยว่า โฮมโปรได้จัดแคมเปญ 7 วันที่โฮมโปร ช้อป...ลดภาษีสูงสุด 15,000 บาท และให้ถึง 4 คุ้มด้วยกัน คุ้มที่ 1 ช้อปครบ 10,000 บาท รับฟรี คูปองส่วนลดท้ายใบเสร็จ มูลค่า 1,000 บาท คุ้มที่ 2 รับฟรี บัตรของขวัญสูงสุด 22,000 บาท คุ้มที่ 3 รับเครดิตเงินคืน สูงสุด 17% คุ้มที่ 4 ลดเพิ่ม 15% เมื่อใช้คะแนนสะสม HomeCard เท่ากับยอดซื้อ