ใช้ บัตรเครดิต อย่างไรให้ถูกวิธี!
ในกระเป๋าสตางค์ของคุณนั้น นอกจากบัตรประชาชน บัตรสมาชิกสะสมแต้มของห้างร้านต่างๆ รูปถ่ายคนที่รักหรือชอบ (อันนี้จะเก่าไปหน่อย) และบัตรอื่นๆมากมายแล้ว เชื่อว่า หนึ่งในบัตรจำนวนนั้นต้องมี บัตรเครดิต ติดอยู่สักใบ สองใบ ใช่มั้ยละ
ยิ่ง มนุษย์เงินเดือน ที่ทุกๆเดือนนั้น บรรดาห้างร้าน สรรพสินค้าต่างๆชอบที่จะ งอกของใหม่ๆ สินค้าใหม่ๆมาดึงดูดเงินอยู่เรื่อย ราคาก็แพงเกิน ขนาดที่ว่าถ้าเอาเงินเดือนจ่ายทั้งหมดไม่พอ ถึงเอาเงินเดือนจ่ายพอ แล้วเดือนทั้งเดือนจะเอาอะไรกิน จะเอาที่ไหนมาเก็บออมละ
เพราะฉะนั้น แน่นอนเลยว่า บัตรเครดิต นั้น เหมือนเป็นบัตรที่สวรรค์ประทานมาเพื่อช่วยเหลือ เหล่ามนุษย์เงินเดือน แต่ถ้าคุณกระหน่ำใช้อย่างเดียว โดยไม่สนใจอะไร ไม่ศึกษาวิธีการใช้ของมัน ไม่สนใจว่าดอกเบี้ยเท่าไหร่ แน่นอนว่า เจ้าบัตรเครดิตที่เปรียบเสมือนสวรรค์ประทานมาให้ มนุษย์เงินเดือนอย่างเรานั้นได้ถือครองนี้ จะกลายเป็นบัตรปีศาจมีอำนาจโหดร้ายตามมาแน่นอน (เหมือนกับว่ามีของวิเศษอยู่ในมือ ใช้ผิดวิธีการมากไปหน่อย ผลลับเลยย้อนเข้าหาตัว)
คราวนี้แหละ ลูกนี้จะออกมาโอดครวญกับบัตรเครดิตว่ามันเป็นตัวเพิ่มหนี้สิน ทั้งๆที่เราเองนั่นล่ะเป็นคนใช้มัน และห้ามใจที่จะใช้มันไม่ได้เอง เจ้า บัตรเครดิต แค่นอนนิ่งๆในมือเท่านั้น (รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง ใช้เกินกำลังก็รับผลกรรมตามนั้นแหละ)
ยิ่งในตอนนี้ เจ้าบัตรเครดิต ได้มีสิทธิพิเศษต่างๆ เพิ่มเติมขึ้นมา หวังล่อตาล่อใจคนอย่างมาก เพราะฉะนั้น กรุณาศึกษาวิธีการ กลเม็ด เคล็ดไม่ลับ การใช้ บัตรเครดิต ได้อย่างถูกวิธี! ให้ดีเสียก่อน ซึ่งเรามีแยกเป็นหัวข้อต่างๆดังต่อไปนี้
1. ใช้เมื่อยามจำเป็นเท่านั้น
ให้ใช้บัตรเครดิต อย่างจำเป็นเท่านั้น ย้ำ จำเป็นเท่านั้น เราต้องพยายามวิเคราะห์ตัวเองให้ดีก่อนจะซื้อของว่า สิ่งที่จะซื้อนั้น มีความจำเป็นมากมายแค่ไหนกัน สมควรแล้วหรอ ที่จะซื้อมาเพื่อเพิ่มมูลค่าหนี้สินและดอกเบี้ยที่จะตามมาอีกบานตระไทนั่น ซึ่งหากเราทำได้จะทำให้เรารู้จัก ยับยั้งชั่งใจตัวเอง ก่อนที่จะซื้อของ จะทำให้ประหยัดเงินที่จะซื้อของและลดการเป็นหนี้เพิ่มเติมได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ
2. สำรวจความสามารถใช้หนี้ของตัวเอง
ก่อนที่เราจะใช้ บัตรเครดิตใ นการซื้อของอย่างลืมตัว ลองสำรวจตัวเองสิว่า สามารถชำระหนี้ได้แค่ไหน ส่วนนี้เป็นสิ่งสำคัญเชียวละ เพราะว่าการที่เราสำรวจความสามารถชำระหนี้สินนั้น จะทำให้เราวางแผนการใช้เงินเป็นระบบ และจะไม่เป็นปัญหาติดตามมาที่หลัง (ปัญหาที่ว่ามีเงินไม่พอจ่ายหนี้สิน) นั่นเอง เพราะหากเราใช้เงินเกินตัว เมื่อถึงกำหนดชำระแล้วไม่มีเงินจ่าย ก็จะยิ่งทำให้ดอกเบี้ยเพิ่มพูนมากขึ้น จนก่อให้เกิดปัญหาการเงินตามมาได้ค่ะ
3. ใช้บัตรให้ถูกเวลา
วันไหนควรออกไปช้อปปิ้ง ช้อปปิ้งแล้วปลอดหนี้เป็นพิเศษ ให้ออกไปช้อปปิ้งในช่วงเวลาหลังจากวันที่มีการสรุปยอดการใช้จ่ายทุกครั้ง เพราะเมื่อเรานำบัตรเครดิตไปใช้ใกล้วันที่ บัตรเครดิต ใกล้ที่จะถึงวันตัดยอด ตอนนั้นแหละมักจะได้เวลาในการปลอดหนี้น้อย และต้องชำระหนี้เงินเร็วขึ้นตามมา เพราะฉะนั้นอดใจไว้ก่อนแล้วเลือกวันช้อปหลังจากที่เพิ่งสรุปยอดนี้ไปใหม่ๆ จะดีกว่านะคะ
เรามีหลังการแนวทางในการใช้ บัตรเครดิต แบบสรุปง่าย คือ พยายามศึกษาถึงเงื่อนไขต่างๆที่ บัตรเครดิต มีอยู่ อย่างละเอียด ติดตามความเคลื่อนไหวของ ธนาคาร เพื่อได้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงต่างๆของธนาคาร พยายามใช้บัตรเครดิตในช่วงกำลังปลอดหนี้ ตรวจสอบความถูกต้องของราคาสินค้าที่จะซื้อ ว่าตรงกับที่เราจะจ่ายรึไม่ เก็บใบเสร็จรับเงินที่เราได้จ่ายชำระหนี้นั้น เอาไว้ให้ดีๆ เพื่อเอาไว้ตรวจสอบ อย่าให้ บัตรเครดิต สูญหาย หากไม่จำเป็นก็อย่าถือ บัตรเครดิต ไว้เลยหากไม่มีความจำเป็นนัก
จะทำไงดี!อยากมีบัตรเครดิตไว้ใช้สักใบนึง
แม้ว่าการไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ แต่ก็นั่นแหละ สมัยปัจจุบันนี้ มีสิ่งของยั่วตา ยั่วใจมากมายเหลือเกิน หากเราต้องการมีบัตรเครดิตไว้ในมือ ต้องมั่นใจด้วยว่า สามารถรับผิดชอบภาระหนี้สินที่จะตามมานั้นได้เป็นอย่างดี ซึ่งแน่นอนว่า บัตรเครดิต นั้นมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน ข้อดีก็คือสามารถซื้อของได้ตามที่ต้องการในทันที ข้อเสียคือ ดอกเบี้ยที่มากมาย หากไม่รู้จักผ่อนจ่าย - ลดดอกเบี้ย ให้เป็น แล้วละก็ คุณอาจจะต้องมานั่งเศร้าโอดครวญทีหลังได้
เพราะฉะนั้น ควรจะคำนึงถึงความจำเป็นที่จะใช้ บัตรเครดิต ให้ดี ก่อนที่จะทำการซื้อสินค้า หรือกดเงินสด ออกมาใช้จ่ายทุกครั้ง เพราะไม่อย่างนั้น คุณอาจจะต้องเป็นเจ้าพ่อ หรือเจ้าแม่ หนี้บัตรเครดิต ที่มีของราคาแพงระยับอยู่เต็มบ้านไปหมด แต่ ไม่มีเงินซื้อแม้กระทั่ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากิน
ในปัจจุบัน บัตรเครดิต นับว่าเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิตของคนเราเลยล่ะ ไม่ว่าจะไปไหนมาไหนจะซื้ออะไรก็มักจะใช้ บัตรเครดิต ในการซื้อเสมอ แต่การจะใช้ บัตรเครดิต ก็ต้องระมัดระวังในเรื่องของหนี้สินที่พอกพูนขึ้นด้วยนะ อย่าปล่อยให้กิเลสเข้าครอบงำตัวเองจนใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเป็นอันขาด เพราะนั่นจะหมายถึงหนี้สินและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น จนอาจจะทำให้รายได้ของคุณไม่เพียงพอต่อการชำระเงินคืนได้เลยล่ะ
Advertorian
สนับสนุนเนื้อหาโดย MoneyHub