อึ้ง!ยอดขายมาม่าต่ำสุดรอบ 44 ปี เหตุเศรษฐกิจทรุด-ปชช.ไม่มีเงินซื้อ หันกินข้าวถุงแทน

อึ้ง!ยอดขายมาม่าต่ำสุดรอบ 44 ปี เหตุเศรษฐกิจทรุด-ปชช.ไม่มีเงินซื้อ หันกินข้าวถุงแทน

อึ้ง!ยอดขายมาม่าต่ำสุดรอบ 44 ปี เหตุเศรษฐกิจทรุด-ปชช.ไม่มีเงินซื้อ หันกินข้าวถุงแทน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายเวทิต โชควัฒนา กรรมการรองผู้อำนวยการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด(มหาชน) ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่า เปิดเผยว่าภาพรวมตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของไทยในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2558 สามารถขยายตัวได้เพียง 0.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2557 หรือคิดเป็นมูลค่า 14,576 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการขยายลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันจากที่ปี 2557 สามารถขยายตัวได้เพียง 1% เท่านั้นเมื่อเทียบกับปี 2556

รวมทั้งยังถือเป็นการขยายตัวต่ำที่สูงในรอบ 44 ปีนับตั้งแต่มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในประเทศไทย ส่วนการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มาม่าก็สามารถขยายตัวได้เท่ากับภาพรวมของทั้งตลาดที่ระดับ 0.4% เท่านั้น หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท

โดยมีสาเหตุมาจากประชาชนในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ซึ่งถือเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของมาม่ามีกำลังซื้อลดลง เนื่องจากประชาชนกลุ่มดังกล่าวได้รับผลกระทบจากปัญหาราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ และปัญหาภัยแล้ง ส่งผลกระทบให้ประชาชนมีเงินในกระเป๋าลดลง ประชาชนกลุ่มนี้จึงหันไปบริโภคสินค้าประเภทอื่นที่มีราคาถูกกว่ามาม่า โดยเฉพาะข้าวถุง ที่ในต่างจังหวัดจะมีการแบ่งขายเป็นรายวัน ทำให้ประชาชนสามารถลดต้นทุนในการบริโภคลงได้มากกว่ามาม่า

“ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างต่อเนื่อง ตามปกติแล้วการบริโภคมาม่า หรือดัชนีมาม่าจะเพิ่มขึ้นและไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ 2 ปีที่ผ่านมากลับไม่เป็นเช่นนั้น ดัชนีมาม่ากลับชะลอตัวและลดลงอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนผู้มีรายได้น้อย ซึ่งถือเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของมาม่าได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจอย่างหนัก เนื่องจากราคาสินค้าพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ โดยเฉพาะยางพาราได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันโลกที่ลดลดต่อเนื่อง ส่งผลให้ประชาชนมีเงินในกระเป๋าน้อยมาก จึงต้องตัดสินใจหันไปบริโภคสินค้าที่ถูกกว่ามาม่า โดยเฉพาะข้าวถุง ซึ่งสามารถแบ่งซื้อเป็นรายวันได้” นายเวทิต กล่าว

นายเวทิตกล่าวว่า ส่วนภาพรวมตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในปี 2559 คาดว่าน่าจะสามารถกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้อีกครั้งที่ระดับ 2% ส่วนภาพรวมของมาม่า น่าจะสามารถขยายตัวได้เหนือกว่าภาพรวมของทั้งตลาดที่ 5% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 10,500 ล้านบาท เนื่องจากคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในปีนี้น่าจะทิศทางกลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง หลังจากที่ชะลอตัวต่อเนื่องมาก 2 ปีซ้อน

รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ และมาตรการเพิ่มขีดความสามารถภาคเอกชนของรัฐบาลน่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวมให้กลับมาฟื้นตัวและประชาชนมีกำลังซื้อได้อีกครั้ง และการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในช่วงปลายปี 2558 น่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย ที่จะช่วยให้มีนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศอาเซียน โดยเฉพาะกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี มาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อการบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นตามมาด้วย

อีกทั้งมาม่ายังได้รับอานิสงส์จากการที่นักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งถือเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักของไทยในปัจจุบันนิยมซื้อมาม่าไว้เป็นของฝากกลับประเทศจำนวนมาก รวมทั้งมาม่ายังได้เตรียมทุ่มงบการตลาดมากกว่า 250 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นยอดขายตลอดทั้งปี 2559 อีกด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook