จำเป็นแค่ไหน ? ถ้าอยาก ใช้บัตรเครดิต

จากผลสำรวจของมหาวิทยาลัยหอการค้า พบว่าสัดส่วนของหนี้บัตรเครดิตมีการเพิ่มขึ้น 55.2 เปอร์เซ็นต์ 87.2 เปอร์เซ็นต์ชำระหนี้บางส่วน และไม่ชำระหนี้เลย ประมาณ 12 เปอร์เซ็นต์ ที่จ่ายครบถ้วน หากดูแนวโน้มดังที่กล่าวมาแล้ว ในอนาคต จะมีคนเป็นหนี้บัตรเครดิตเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก คนส่วนใหญ่ที่เป็นหนี้บัตรเครดิต ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา ผู้มีอาชีพรับจ้าง และคนที่มีรายได้น้อย ทำให้เกิดคำถามที่ว่า บัตรเครดิตสำหรับคนบางกลุ่ม มันมีความจำเป็นจริง ๆ หรือไม่

ถ้าพูดถึงประโยชน์ของบัตรเครดิต ก็พอจะจำแนกได้ไม่กี่ข้อ คือ

1. เป็นการยืมเงินจากสถาบันการเงินมาใช้ก่อน โดยยังไม่คิดดอกเบี้ยในระยะเวลา 1 เดือน – 45 วัน
2. ไม่ต้องพกเงินสดจำนวนมากติดกระเป๋า ทำให้สะดวกคล่องตัว
3. ใช้ทำธุรกรรมทางออนไลน์ เช่น จองโรงแรม จองตั๋วเครื่องบิน หรือซื้อสินค้าออนไลน์ได้โดย ใช้บัตรเครดิต ซึ่งก็ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายมากทีเดียว อีกทั้งยังสามารถยกเลิกรายการได้อีกด้วย ในกรณีที่ไม่ได้รับสินค้านั้นๆหรือเลิกสั่งซื้อแล้ว
4. มีการสะสมแต้มเพื่อแลกของ แลกเงินคืน ดอกเบี้ย 0% หลายคนคงจะชอบในของรางวัลกันอยู่แล้ว ดังนั้นบัตรเครดิตนี่ล่ะ ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้ดีมากทีเดียว
5. กรณีเร่งด่วนไม่มีเงินสด สามารถกดเงินจากบัตรเครดิตแทนได้ แต่อาจจะต้องเสียดอกเบี้ยมากหน่อยเท่านั้น ซึ่งคนส่วนใหญ่จะไม่นิยมกดเงินสดจากบัตรเครดิต แต่หากจำเป็นก็สามารถกดได้ค่ะ
6. สำหรับบางคน ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยบัตรเครดิตเลย เพราะจ่ายตรงและจ่ายครบตลอด สามารถใช้ประโยชน์จากบัตรเครดิตได้อย่างสูงสุด (หายากนะคนแบบนี้)
7. หลายคนกินข้าวฟรี ดูหนังฟรี ซื้อของได้ ด้วยแต้มในบัตรเครดิต หากคุณอยากได้สิทธิพิเศษแบบนี้ต้องบัตรเครดิตเลย สมัครไม่ยากแต่ให้ข้อดีหลายอย่างเลยทีเดียว

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คนที่ ใช้บัตรเครดิต มีสิ่งที่ต้องพึงระลึกอยู่เสมอ ก็คือระเบียบวินัยในการใช้เงินต้องมี ถ้าไม่มีเมื่อไหร่ เจ๊งเมื่อนั้น ถ้าบริหารเงินไม่ได้ ตามใจตัวเอง มีความต้องการไม่สิ้นสุด ถึงแม้จะสามารถผ่อนชำระเงินหรือผ่อนสินค้าในอัตราดอกเบี้ย 0% แต่ก็ถือว่า เราได้เป็นหนี้ในจำนวนเงินที่มากกว่าการซื้อด้วยเงินสด ดังนั้นหากคุณคิดจะ ใช้บัตรเครดิต ล่ะก็
คุณจะต้องมีวินัยในการจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิตมากพอ และต้องไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยจนเกินไป เพราะบัตรเครดิตก็เป็นดาบสองคมได้เหมือนกัน

นอกจากนี้ในการชำระเงินคืนค่าบัตรเครดิตก็ควรชำระให้ตรงเวลาที่เขากำหนด เพื่อไม่ให้ดอกเบี้ยเพิ่มพูนมากขึ้นจนเกินไปนั่นเอง

การ ใช้บัตรเครดิต คือการนำเอาเงินในอนาคตมาใช้ก่อน (รวมทั้งเงินกู้ส่วนบุคคล และบัตรกดเงินสด บัตรผ่อนสินค้าทั้งหลายด้วย) หากเป็นคนขาดวินัยในทางการเงิน จ่ายชำระไม่ครบเต็มจำนวน ก็เตรียมตัวจ่ายดอกเบี้ยมหาโหดได้เลย เหรียญมีสองด้าน บัตรเครดิตก็เช่นกัน สามารถใช้ให้เป็นประโยชน์ หรือใช้ฆ่าตัวเองทางการเงินก็ได้เช่นกัน

บางคนมีบัตรเครดิตถึง 6 ธนาคาร แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะควบคุมได้ บางคนควบคุมตัวเองไม่ได้ ก็จะเข้าลักษณะการกดใบโน้นมาจ่ายใบนี้ กดใบนี้ไปจ่ายใบนั้น ทำอย่างนี้เรื่อยไป จนบางคนมีถึง 16 ใบ ในที่สุดก็ล้มละลายทางการเงิน หากคุณไม่อยากมีปัญหาแบบนี้ล่ะก็ ควร ใช้บัตรเครดิต ให้เป็นและใช้ให้ถูกวิธี แค่นี้ก็จะเกิดประโยชน์จากบัตรเครดิตอย่างมากที่สุดแล้วล่ะ

สำหรับผู้ ใช้บัตรเครดิต บางกลุ่ม เช่นนักศึกษา หรือเด็ก เป็นวัยที่ยังไม่ควรมีบัตรเครดิต เพราะยังมีวุฒิภาวะน้อยมาก ยังไม่มีความรู้จักยับยั้งชั่งใจตัวเอง สาเหตุที่มีบัตรเครดิตใช้เพราะผู้ใหญ่จัดการให้

ซึ่งถือว่าเป็นการส่งเสริมเด็กและเยาวชนในทางที่ผิด เพราะเขาเหล่านั้นยังไม่รู้จักทำงานหาเงินด้วยตนเอง หากฝึกให้ใช้จ่ายอย่างตามสะดวกเช่นนี้ ต่อไปจะเป็นคนจมไม่ลง ใช้จ่ายมือเติบ เป็นหนี้เป็นสินไม่มีวันได้ผุดได้เกิด

ความจริงมันมีหลักการง่าย ๆ ในการ ใช้บัตรเครดิต คือ

1. อย่าใช้จ่ายมากเกินไป คือ อย่าจ่ายให้เกินวงเงินในบัตร แต่ถ้าให้ดีไม่ควรทำวงเงินสูงเกินไปเพราะจะทำให้เราใช้จ่ายอย่างลืมตัวจนเป็นผลให้เกิดปัญหาทางการเงินได้
2. จ่ายเต็มจำนวน อย่าจ่ายขั้นต่ำ ถึงแม้ว่าบัตรเครดิตจะเปิดโอกาสให้สามารถจ่ายขั้นต่ำเป็นงวดๆ โดยแบ่งตามเปอร์เซ็นต์ได้ แต่ก็จะทำให้ดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งไม่คุ้มกันเลย มีแต่จะทำให้คุณเป็นหนี้เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
3. จ่ายตรงเวลา อย่าประมาท อย่าสะสมค่างวดไว้นาน แค่นี้ก็ไม่ทำให้เกิดปัญหาการเงินแล้ว แถมยังรักษาเครดิตไว้ได้อีกด้วย

แค่นี้เอง แต่หลักการง่าย ๆ มันก็คงไม่ง่ายสำหรับหลาย ๆ คน ผลสำรวจเลยออกมาเป็นแบบนี้ สรุปคือ มันอยู่ที่คนแต่ละคนนั่นเอง

นอกจากเรื่องของการไม่มีวินัยทางการเงินในการใช้บัตรเครดิตแล้ว บัตรเครดิตก็มีข้อเสียเรื่องการแฝงมาของอันตรายจากพวกมิจฉาชีพ ที่จ้องจะคอยแฮ็กบัตรเครดิตอีกด้วย ส่วนใหญ่เป็นพวกอาชญากรข้ามชาติ หลายคนก็โดนคนพวกนี้ก่ออาชญากรรมมาแล้วแต่จะบอกว่าเป็นข้อเสียของบัตรเครดิตก็คงไม่ตรงนัก เพราะมันเกิดจากคน ไม่ได้เกิดจากบัตร

Advertorial

สนับสนุนเนื้อหาโดย MoneyHub