ระทึกกำไรกลุ่มปตท.ปี′58 ดิ่งรอบ 9 ปี โบรกคาดต่ำ 5 หมื่นล้าน/เครดิตเรตติ้งเรียงคิวลด
บล.เอ เซีย พลัส ส่งซิกกลุ่ม ปตท.กำไรรวมปี′58 ตกวูบ 40% เหลือ 4.8 หมื่นล้านบาท ร่วงต่ำสุดรอบ 9 ปี บริษัทลูก 5 บจ.ตกหลุม "ราคาน้ำมันดิ่งแรง" ปตท.สผ. อ่วมขาดทุน 2 เด้ง "ด้อยค่าทางสินทรัพย์-อัตราแลกเปลี่ยน" ซ้ำด้วยมูดีส์หั่นเครดิตเรตติ้งหุ้นกู้ต่างประเทศเหลือ Baa1 ลุ้น ปี′59 กำไรทั้งกลุ่มฟื้นตัวกลับมาอยู่ที่ราว 1.5 แสนล้านบาท หนุนกำไรรวมทั้งตลาดสดใส จับตามีโอกาสเสี่ยงถูกปรับลดคาดการณ์ในปีนี้
นางสาวนลินรัตน์ กิตติกำพลรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ฝ่ายวิจัยได้ประเมินผลประกอบการงวดปี 2558 ของกลุ่ม ปตท.จำนวน 5 บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ได้แก่ บมจ.ปตท. (PTT), บมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP), บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC), บมจ.ไทยออยล์ (TOP) และ บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) โดยคาดการณ์ว่า กลุ่ม ปตท.ทั้งกลุ่มนี้มีกำไรสุทธิรวมกันประมาณ 48,379 ล้านบาท ลดลง 41.75% จากปี 2557 ที่ทำกำไรได้รวมกว่า 83,061 ล้านบาท
โดยสาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลงรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเกิดผลขาดทุนหนัก 2 ส่วน คือ ขาดทุนจากการบันทึกการด้อยค่าสินทรัพย์ของ บมจ.ปตท.สผ.ที่สูงถึง 4.98 หมื่นล้านบาทในช่วงไตรมาส 3/2558 และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน
"กำไรรวมของปี 2558 กลุ่ม ปตท. จะทำสถิติตกต่ำสุดในรอบ 9 ปีนับตั้งแต่ปี 2549 ซึ่งเป็นปีที่ทั้งกลุ่มเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครบทั้ง 5 บริษัท" นางสาวนลินรัตน์กล่าว
ส่วนแนวโน้มกำไรรวมของกลุ่ม ปตท.ในปี 2559 ประมาณการไว้ที่ 152,422 ล้านบาท แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับลดลงอีก หากราคาน้ำมันในตลาดโลกยังปรับตัวลดลงต่ำกว่าสมมุติฐานปีนี้ที่เฉลี่ยอยู่ระดับ 45 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยฝ่ายวิจัยคงติดตามทิศทางราคาน้ำมันในช่วงไตรมาสแรกนี้ก่อนจะมีการทบทวนอีกครั้ง
นอกจากนี้ ยังต้องติดตามผลกระทบจากกรณีสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือมูดีส์อินเวสเตอร์สเซอร์วิส (มูดีส์) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ (เครดิตเรตติ้ง) ของตราสารหนี้สกุลเงินต่างประเทศของ บมจ.ปตท.ที่ลดลงจากระดับ A3 มาอยู่ที่ระดับ Baa1 และการลดอันดับความน่าเชื่อถือในตราสารหนี้ไม่ค้ำประกันไม่ด้อยสิทธิของ บมจ. ปตท.สผ. ปรับลงจากระดับ A3 เป็น Baa1
ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการระดมเงินในอนาคตของกลุ่ม ปตท.ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ทั้งในส่วนของการออกหุ้นกู้ในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการกู้เงินจากแบงก์
นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการสายวิจัย บล.เอเชีย เวลท์ คาดการณ์ว่า ปี 2559 กำไรสุทธิรวมของกลุ่ม ปตท. น่าจะเติบโตกว่าปีที่ผ่านมา แม้จะยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปกติก็ตาม ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่เคลื่อนไหวในระดับต่ำมากแล้ว จะส่งผลให้การบันทึกการด้อยค่าสินทรัพย์ของกลุ่มธุรกิจต้นน้ำ ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
โดยคาดราคาน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 35-40 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลงจากปี 2558 ที่อยู่ 46-47 เหรียญต่อบาร์เรล
ขณะที่ธุรกิจกลุ่มโรงกลั่นคาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวมากขึ้น หลังผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันเริ่มปรับตัวลดลง
"ประเมินว่ากำไรของกลุ่ม ปตท.จะมีผลต่อกำไรรวมของ บจ.ในตลาดค่อนข้างมาก เห็นได้จากช่วงไตรมาส 3/2558 ที่มีผลขาดทุนจาก ปตท.สผ.เกือบ 5 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้กำไรรวมของ บจ.ลดลงเหลือเพียง 2 หมื่นกว่าล้านบาท จากครึ่งปีแรกที่ บจ.ทั้งตลาดทำกำไรรวมเฉลี่ยรายไตรมาสจะอยู่ไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาท
ขณะที่แนวโน้มผลดำเนินงานกลุ่ม ปตท.ในปีนี้ คาดว่าจะแย่น้อยลงและน่าจะช่วยผลักดันกำไรสุทธิรวมของ บจ.ฟื้นตัวดีขึ้นได้ตั้งแต่ไตรมาส 1 และไตรมาส 2 เป็นต้นไป" นายวรุตม์กล่าว