ทำอย่างไรเมื่อได้รับ หมายศาลบัตรเครดิต !
หลายคนเมื่อมีบัตรเครดิต ก็รู้สึกเหมือนมีอำนาจมากมายอยู่ในมือ เบิกมาใช้จ่ายหรือรูดซื้อสินค้าตามใจโดยขาดสติยั้งคิด จนในที่สุดวันหนึ่งก็ติดลบ ยอดชำระหนี้ต่อเดือนเริ่มพอกพูนจนเกินจะรับไหว หลังจากนั้นก็เริ่มผิดสัญญาชำระเงิน จ่ายบ้างไม่จ่ายบ้าง บางคนถึงขั้นขาดส่งไปเลย จนในที่สุดก็ได้รับ หมายศาลบัตรเครดิต ส่งมาถึงบ้าน ให้ดำเนินการชำระหนี้ต่อหน้าศาล
ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นหนี้สินจากเดิมที่เพียงแค่ไม่กี่บาท ก็จะเพิ่มพูนมากขึ้นจนน่าปวดหัวกันเลยทีเดียว ทีนี้ล่ะจากปัญหาเล็กๆ ก็จะเป็นปัญหาใหญ่ ที่ยากเกินจะแก้ไขแล้วล่ะ
ช่วงเวลานั้นคุณจะใจหาย รู้สึกตื่นเต้น หวาดกลัว จินตนาการไปต่างๆนานา นึกถึงภาพตัวเองขึ้นบัลลังก์ เลยไปถึงชำระหนี้ก้อนโตทั้งๆที่ไม่สามารถทำได้ อย่าเพิ่งตีโพยตีพายไปค่ะ ทุกอย่างมันยังไม่เลวร้ายถึงขนาดนั้น เพราะเมื่อถึงชั้นศาล หากเครดิตของคุณยังไม่แย่สักเท่าไหร่ คุณก็ยังมีโอกาสที่จะผ่อนผันต่อหน้าศาลได้ แต่ทั้งนี้ผ่อนผันแล้วจะต้องทำตามที่แจ้งไว้ต่อศาลให้ได้ด้วย เพราะหากผิดนัดอีก คุณก็จะหมดโอกาสในการผ่อนผันแล้วล่ะ
เมื่อเราผิดนัดชำระหนี้ แล้วถูกตามทวงคืน ได้รับ หมายศาลบัตรเครดิต ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร บทความนี้มีคำตอบค่ะ
วิธีรับมือเมื่อผิดนัดชำระ
1. ในขั้นแรก เมื่อคุณผิดนัดชำระ จะมีโทรศัพท์ทวงถามจากเจ้าหน้าที่ ที่คอยโทรมาเป็นระยะๆ เพื่อขอความร่วมมือในการชำระยอดคงค้าง ซึ่งถ้าในช่วงเวลานั้นคุณไม่มีความสามารถที่จะจ่ายคืนได้ คุณก็ต้องอดทนกับการตามทวงอย่างสุภาพนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า
จนในที่สุด เมื่อเวลาผ่านไปจนครบกำหนดตามสัญญาที่ระบุ เจ้าหน้าที่จะโทรมาอีกครั้ง เพื่อให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่คุณจะถูกขึ้นบัญชีดำ และกลายเป็นบุคคลเสียเครดิต ซึ่งเมื่อถึงตอนนี้คุณควรที่จะรับมือกับมันให้ได้ เพื่อไม่ให้ไปถึงการขึ้นศาลนั่นเอง
2. ครั้งนี้ เขาจะขอร้องแกมบังคับอย่างสุภาพ ให้คุณชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยในอัตราพิเศษ ที่เขาลดให้คุณแล้ว เพราะเข้าใจว่าคุณมีปัญหาติดขัดทางด้านการเงินจริงๆ เขาจึงยื่นข้อเสนอให้คุณชำระคืนทั้งหมด เพื่อแลกกับการที่คุณจะไม่ถูกขึ้นบัญชีดำในเครดิตบูโร และเมื่อถึงขั้นตอนนี้ พยายามหาคืนเขาไปเถอะค่ะ กู้ยืมญาติพี่น้องแล้วทยอยผ่อนชำระคืนพวกเขาทีหลังก็ยังได้ ดีกว่าถูกขึ้นบัญชี เพราะนั่นหมายความว่า คุณอาจไม่มีสิทธิ์ทำธุรกรรมใดๆได้อีก เช่นกู้ซื้อบ้าน กู้ซื้อรถยนต์ จนกว่าจะพ้นจากระยะเวลาปลดลิสต์รายชื่อบัญชีดำ ซึ่งก็นานหลายปีเลยทีเดียว เรียกได้ว่าจะทำให้คุณกลายเป็นคนที่ไม่มีอำนาจในการทำธุรกรรมไปเลยนั่นเอง
3. ถ้าคุณเพิกเฉยกับขั้นตอนในข้อที่ 2 คราวนี้ก็จะมีหมายศาลร่อนมาเชิญถึงที่บ้าน ครั้งนี้คุณจำเป็นที่จะต้องไปรายงานตัว เพราะขั้นตอนต่อจากนี้โหดกว่ามาก เนื่องจากเป็นขั้นตอนของการออกหมายจับ และยึดทรัพย์สินตามกฎหมาย ซึ่งเจ้าหนี้มีสิทธิ์ยึดได้มากกว่ายอดเงินต้นของคุณด้วยนะคะ ขึ้นอยู่กับข้อสัญญาที่คุณเคยเซ็นต์รับทราบเอาไว้ในช่วงที่สมัคร เพราะฉะนั้นทางที่ดีอย่าปล่อยให้ถึงขั้นตอนนี้เด็ดขาดนะคะ เพราะเมื่อถึงขั้นตอนนี้แล้ว จะเกิดความยุ่งยากมากทีเดียวเลยล่ะ
4. ขึ้นศาล ไม่น่ากลัวอย่างที่คุณคิดค่ะ เป็นการไปปรากฏตัวเพื่อไกล่เกลี่ย ทำสัญญาชำระหนี้รายงวดกันใหม่ โดยยังคิดอัตราดอกเบี้ยในราคาพิเศษกับคุณอยู่ ซึ่งถ้าคุณผิดนัดชำระอีก ดอกเบี้ยรอบนี้จะขึ้นมามหาศาลราวกับเงินกู้นอกระบบเลยทีเดียวค่ะ ทางทนายจะอธิบายให้คุณเข้าใจถึงเงือนไข ยอดชำระรายเดือน ซึ่งถ้าคุณมองแล้วว่ามากเกินไป เกินความสามารถของคุณ คุณก็สามารถแจ้งทนายได้ค่ะ เขาจะช่วยหาทางออก เพื่อแก้ไขข้อตกลงกันใหม่ต่อหน้าศาล เช่น ปรับลดยอดชำระรายเดือนลง แล้วเพิ่มระยะเวลาแทน เป็นต้น
ในกรณีที่คุณว่างงาน เขาก็จะขอยึดทรัพย์สินคุณเพื่อแทนยอดหนี้ แต่ถ้าคุณไม่มีทรัพย์สินใดๆคืนเขา เขาก็จำเป็นที่จะต้องชะลอการชำระหนี้ของคุณไว้ก่อน จนกว่าจะสืบทราบว่าคุณเริ่มมีงานทำ มีรายได้ เมื่อถึงเวลานั้น เขาจะยื่นเรื่องเข้าบริษัทคุณ หักยอดหนี้ผ่านเงินเดือนทุกเดือน จนกว่าหนี้สินนั้นจะหมดไป
ในกรณีที่คุณมีคู่สมรส คู่สมรสอาจจะต้องเป็นฝ่ายชำระเงินแทนคุณ ถ้ายอดหนี้นั้นถูกอนุมัติให้กู้ยืมหลังจากที่คุณแต่งงานแล้ว
เห็นไหมคะ ว่าการขึ้นศาลไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เพียงแต่อาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้นและยังทำให้เสียเวลาอีกด้วย ทางที่ดี คุณควรทำตัวเป็นลูกหนี้ที่น่ารัก ผ่อนชำระตรงเวลา ใช้จ่ายอย่างพอประมาณ เพื่อรักษาสถานภาพทางเครดิตของคุณไว้ให้ใสสะอาดที่สุดจะดีกว่า
หรือหากอยากปิดยอดหนี้เร็วๆ ก็ควรประหยัดอย่างสุดฤทธิ์และรีบเคลียร์จ่ายหนี้ให้เสร็จเรียบร้อยซะ ทีนี้ก็จะหมดปัญหาหนี้สินมากวนใจแล้วล่ะอีกทั้งยังทำให้เรามีเวลาในการเก็บออมเงินมากขึ้นและเก็บออมเงินได้อย่างเต็มที่มากขึ้นอีกด้วย ไม่อยากเจอกับปัญหาทางการเงินจนต้องขึ้นศาล ก็ต้องจัดการกับปัญหาการเงินให้ดีนะคะ
Advertorial
สนับสนุนเนื้อหาโดย MoneyHub