นักเก็งกำไรคึกลุ้นทองแตะ2หมื่นบ. ดีดขึ้นไตรมาส1รับอานิสงส์SPDRเฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ย
นักค้าทองเฮ ! ไตรมาสแรกทองกลับมา "ฮอต" แทนตลาดหุ้น-ค่าเงินที่ผันผวนนักเก็งกำไรหมุนเงินเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยแทน คาดราคาทองโลกพุ่ง 1,200 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ สบช่องเล่น "เก็งกำไร" ลุ้นทองในไทยแตะ 2 หมื่นบาท
นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน (1 ม.ค.-4 ก.พ.) ราคาทองคำปรับตัวขึ้นสูงต่อเนื่องอยู่ที่ประมาณ 1,140 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์
ส่วนราคาทองในไทยน้ำหนักบาทละประมาณ 19,200 บาท จากต้นปีที่อยู่ระดับ 1,060 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งทองในไทยอยู่ที่ประมาณ 18,200 บาท โดยเป็นผลมาจากนักลงทุนกังวลความเสี่ยงของสินทรัพย์อื่น ๆที่มีความผันผวนสูง เช่น หุ้น และสกุลเงินต่าง ๆ จึงส่งผลให้ทองคำกลับมามีสถานะเป็นแหล่งหลบภัยแห่งการลงทุน (Safe Haven) อีกครั้งขณะที่กองทุน SDR Gold Trust ซึ่งลงทุนทองคำแท่งรายใหญ่ของโลก ได้เข้าซื้อต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุด (4 ก.พ. 2559) SPDR มียอดซื้อทองคำสุทธิ 47.68 ตัน ซึ่งเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 3 ปี
"ตอนนี้ภาวะตลาดโลกมีความ ผันผวนสูงมาก นักลงทุนจึงกังวล และเริ่มมองหาสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำอีกครั้ง ดังนั้นทองและตราสารหนี้ จึงเป็นคำตอบของนักลงทุนขณะนี้" นายกมลธัญกล่าว
นายกฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัทเอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 1/59 นี้ประเมินว่าราคาทองคำมีโอกาสแกว่งตัวขึ้นไปได้สูงถึง 1,200 เหรียญ หรือบาทละประมาณ 2 หมื่นบาท เนื่องจากขณะนี้นักวิเคราะห์เริ่มคาดการณ์แล้วว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจไม่ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนมีนาคมนี้ เพราะเศรษฐกิจโลกยังมีทิศทางที่ไม่ฟื้นตัวดีนัก ดังนั้นการปรับขึ้นดอกเบี้ยในภาวะนี้ จึงอาจจะยังไม่เหมาะสม ดังนั้นจึงเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้
"ก่อน หน้านี้หลายคนคาดการณ์ไว้ว่า ราคาจะอ่อนตัวจากปัจจัยลบเฟดขึ้นดอกเบี้ย แต่ตอนนี้เมื่อภาพรวมเศรษฐกิจโลกไม่ดีนัก ก็อาจทำให้เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายได้ไม่ง่ายนัก ดังนั้นราคาทองจึงมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปได้" นายกฤชรัตน์กล่าว
นาย ธนรัชต์ พสวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวว่าราคาทองคำยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ จนกว่าจะมีการประชุมเฟดในเดือน มี.ค.นี้ ส่งผลให้ทองกลับมาเป็น Safe Haven ได้ แต่ก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่ายาวนานเพียงใด เพราะในเบื้องต้นวิเคราะห์จากสถานการณ์เศรษฐกิจโลก อาทิ ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อของจีนยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งสะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ เช่น ดัชนี สถาบันบริการการจัดการซัพพลาย (ISM) ก็ยังออกมาไม่ดีนัก จึงทำให้คาดการณ์ว่าในการประชุมของเฟดรอบเดือน มี.ค.นี้ ยังไม่น่าจะขึ้นดอกเบี้ยได้ ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนทองคำในช่วงไตรมาส 1/59 นักลงทุนควรจะใช้วิธี "เล่นรอบทำกำไรระยะสั้น" เนื่องจากสาเหตุที่เงินลงทุนไหลเข้าทองคำในรอบนี้ เป็นผลจากการที่นักลงทุนไม่มีทางเลือกในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน สินทรัพย์อื่น
นายกมลธัญประเมินว่า ในช่วงไตรมาส 1/59 ราคาทองมีโอกาสปรับขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 1,200-1,250 เหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นทองในไทยบาทละ 2 หมื่นบาท จึงแนะนำนักลงทุนสามารถซื้อ "เก็งกำไร" ได้ แต่ในระยะยาว การลงทุนทองยังมีโอกาสได้รับความเสี่ยงจากเงินไหลออกได้ เพราะเมื่อภาพรวมเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวกลับมา การลงทุนในตลาดหุ้นจะกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง ขณะที่สินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำทั้งทองคำและตราสารหนี้ อาจจะถูกลดความน่าสนใจลงไปอีกครั้ง