3 วิธีเพิ่มรายได้ ให้พุ่งปรี๊ด !

3 วิธีเพิ่มรายได้ ให้พุ่งปรี๊ด !

3 วิธีเพิ่มรายได้ ให้พุ่งปรี๊ด !
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลายคนมักนั่งบ่นกับตัวเอง และคนรอบข้างว่า อยากมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี สุดท้ายก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่า ทำงานแบบเดิมๆ ซึ่งแน่นอนว่าผลลัพธ์ที่ได้ย่อมเท่าเดิม รายได้ก็ย่อมเท่าเดิมเป็นธรรมดา ถ้าอย่างนั้นแล้วจะทำอย่างไรให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้นล่ะ?


จริงๆ แล้ววิธีเพิ่มรายได้ มันมีอยู่ 3 วิธีหลัก คือ


1) เพิ่มเวลาทำงาน
นี้คือวิธีที่คนทั่วไปมักใช้กัน คือคิดอะไรไม่ออกก็ทำงานให้เยอะขึ้นกว่าเดิม ถ้าเป็นพนักงานประจำก็ทำโอที ถ้าเป็นคนที่ทำมาค้าขายก็อาจจะเพิ่มเวลาขายของให้นานขึ้น ซึ่งมันก็เป็นวิธีที่ตรงไปตรงมาดี เพราะถ้าอยากได้เงินเยอะขึ้นจากงานเดิม การเพิ่มเวลาทำงานให้มากขึ้น ก็ดูจะเป็นวิธีเดียวที่สามารถทำได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เราต้องไม่ลืมว่าเราทุกคนมีเวลาจำกัด คุณจะทำงานได้มากแค่ไหน วันนึงคุณก็ทำได้แค่ 24 ชั่วโมงอยู่ดี ยังไม่เรื่องความคุ้มค่าที่จะเหนื่อย และสุขภาพที่อาจจะเสียไป จนในท้ายที่สุด เงินที่คุณหามาจากการที่ทำงานอย่างหนัก อาจจะต้องกลายเป็นค่ารักษาพยาบาลของคุณแทนก็เป็นได้


2) เพิ่มมูลค่าของงานที่ทำ
คนบางกลุ่มจะเริ่มคิดได้ว่าการทำงานหนักไม่ใช่คำตอบ แต่การทำงานที่ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าต่างหากล่ะ คือสิ่งที่เราควรจำเป็นต้องทำหากต้องการรายได้ที่เพิ่มขึ้น เป็นการคิดต่อยอดมาจากวิธีการเพิ่มรายได้จากวิธีที่ 1 เพราะเห็นแล้วว่าเวลาเป็นสิ่งสำคัญ ต้องใช้ให้คุ้มค่า ทีนี้การเพิ่มมูลค่างานที่ทำนั้น สุดท้ายแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณนั่นแหละว่า จะมีความสามารถและความรู้มากแค่ไหน ที่จะสามารถทำงานออกมาให้มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นได้

ลองดูโทรศัพท์ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้สิครับ ลองเทียบกับเมื่อสักสิบกว่าปีก่อนดู สมัยก่อนใครมีโทรศัพท์ต่อให้เป็นจอขาวดำ เราก็ยังรู้สึกว่าโอเคแล้ว ต่อมาได้มีการพัฒนาเป็นจอสี จนมาล่าสุดเป็นก็ยุคของ Smart Phone ที่โทรศัพท์พัฒนามาถึงจุดนี้ได้ เพราะว่ามีคนเริ่มคิดถึงการเพิ่มมูลค่าของโทรศัพท์ จึงได้พัฒนาความสามารถของโทรศัพท์ให้มีมากขึ้น ซึ่งคนที่คิดได้และตอบโจทย์ได้มากที่สุด ย่อมได้รับรายได้ที่สูงขึ้นเป็นรางวัลตอบแทนเช่นกัน


สำหรับคนที่เป็นมนุษย์เงินหากไม่อยากหารายได้เพิ่มขึ้น โดยการเอาเวลาของตัวเองเข้าแลก คุณก็ต้องเริ่มที่จะพัฒนาศักยภาพของตัวเอง เพิ่มมูลค่าของตัวให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หรือทำงานที่คนอื่นทำไม่ได้ แต่คุณสามารถทำงาน เพียงเท่านี้ถ้าบริษัทยังไม่เห็นหัวคุณ และยังให้ผลตอบแทนคุณมากขึ้น คุณก็สามารถมองหาโอกาสดีจากบริษัทอื่นๆ ได้ ไม่ต้องไปกลัวอะไร เพราะความสามารถของคุณที่ได้พัฒนาขึ้นมานั้น มันไม่ได้สูญหายไปไหน มันยังติดตัวคุณไป เพื่อให้คุณได้นำไปใช้ยังที่ๆ เห็นคุณค่าของมัน


คุณลองนึกถึงคนที่ทำงานโดยใช้ทักษะที่ใครๆ ก็สามารถทำได้ เช่น พนักงานพิมพ์ดีด พนักงานส่งเอกสาร เป็นต้น ด้วยความเคารพต่ออาชีพทุกอาชีพนะครับ แต่คุณคิดหรือไม่ว่าการที่ทำงานที่ใครๆ ก็สามารถทำได้เหมือนคุณ มันจะทำให้คุณมีรายได้สูงขึ้นได้ ตรงกันข้ามครับ โอกาสที่คุณจะมีรายได้น้อยลงนั้น มีสูงกว่าซะอีก เพราะคุณสามารถถูกแทนที่โดยใครก็ได้ ทีนี้ลองเปรียบเทียบกับอาชีพที่ไม่ใช่ใครที่ไหนก็มาทำได้ อย่างเช่นแพทย์เฉพาะทาง คงพอจะเดาได้ใช่มั้ยครับว่ารายได้ของแพทย์เฉพาะทางนั้น ย่อมสูงกว่าพนักงานพิมพ์ดีด หรือพนักงานส่งเอกสารอยู่แล้ว (ถ้าคิดที่เวลาทำงานที่เท่ากันนะครับ)

ดังนั้นข้อแนะนำของผมก็คือ หากต้องการเพิ่มรายได้โดยการเพิ่มมูลค่าของงานที่ทำ คุณต้องพัฒนาทักษะความสามารถของคุณอยู่เสมอ คุณต้องมองหางานที่มีแต่คุณเท่านั้นที่ทำได้ หรืออย่างน้อยก็ไม่ใช่งานที่ใครๆ ก็สามารถทำได้ เมื่อนั้นคุณจะกลายเป็นที่ต้องการของตลาด มูลงานที่คุณมันจะสะท้อนออกมาจากมูลค่าข้างในตัวคุณ


3) ใช้ Leverage
คุณเคยรู้สึกมั้ยว่า รายได้ที่คุณได้รับ มันน้อยกว่าที่มันควรจะเป็น หรือน้อยกว่าที่คุณต้องการ ถ้าเป็นอย่างนั้น แสดงว่าคุณยังไม่รู้จักการใช้ Leverage
“Leverage” หรือ “พลังทวี” ถ้าจะให้อธิบายความหมายแบบที่พอจะเข้าใจได้ง่าย ก็คือ อะไรก็ตามที่มันสามารถช่วยให้คุณทำงานได้น้อยลง แต่รายได้ของคุณเพิ่มมากขึ้น ผมขอยกตัวอย่าง Leverage ให้คุณพอเห็นภาพสักหน่อยแล้วกัน


คุณมักเห็นใครหลายๆ คนมักพูดอยู่บ่อยๆ ใช่มั้ยครับว่า อยากทำโน่น อยากทำนี่ แต่ไม่มีทุน หลายๆ คนมักใช้เรื่องการไม่มีทุนเป็นข้ออ้าง แต่รู้มั้ยครับว่า เศรษฐีหลายๆ คน โดยเฉพาะเศรษฐีรุ่นใหม่ๆ เค้าก็เริ่มจากการที่ไม่มีทุน! บางคนอาจแย้งว่า ไม่มีทุน แล้วจะทำธุรกิจได้ไง คำตอบคือ ในเมื่อตัวเองไม่มีทุน ก็ใช้ทุนคนอื่นสิครับ หรือที่ภาษาอังกฤษเค้าเรียกว่า Other People’s Money (OPM) แต่การที่อยู่ๆ จะให้ใครมาเป็นนายทุนให้มันไม่ใช่เรื่องง่ายใช่มั้ยล่ะครับ นี่แหละคือข้อแตกต่างของคนที่ประสบความสำเร็จ กับคนทั่วไป

การที่จะทำให้คนอื่นเชื่อใจ และกล้าที่จะลงทุนกับคุณ คุณต้องมีความรู้มากพอ ไม่ใช่ความรู้ในเชิงทฤษฎีนะครับ แต่ต้องเป็นความรู้ในภาคปฏิบัติด้วย และอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ การมี Connection สรุปง่ายๆ การที่คุณจะใช้เงินคนอื่นได้ คุณต้องมี Know how กับ Know who นั่นเอง นี่แหละคือ กึ๋น ที่แต่ละคนมีไม่เท่ากัน


การใช้ Leverage นั้นมีมากมายหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น การลงทุน การใช้อินเทอร์เน็ตให้เป็นประโยชน์ การใช้ทรัพยากรต่างๆ ของคนอื่น ฯลฯ ถ้ามันช่วยให้คุณสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้น ในขณะที่คุณใช้แรงและเวลาน้อยลง เหล่านั้นถือว่าเป็นการใช้ Leverage ทั้งสิ้น

คนที่ขาดไอเดีย ขาดจิตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ มักเพิ่มรายได้จากการเพิ่มเวลาทำงาน แต่คนที่จะรวยและมั่งคั่งได้ ต้องเพิ่มรายได้จากการเพิ่มมูลค่าของงาน และรู้จักใช้ Leverage แล้วคุณล่ะ จะเพิ่มรายได้แบบไหน?

Advertorial

สนับสนุนเนื้อหาโดย MoneyHub

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook