สินเชื่อส่วนบุคคล กับ สินเชื่อบัตรกดเงินสด คิดให้ดีเลือกให้ถูก

สินเชื่อส่วนบุคคล กับ สินเชื่อบัตรกดเงินสด คิดให้ดีเลือกให้ถูก

สินเชื่อส่วนบุคคล กับ สินเชื่อบัตรกดเงินสด คิดให้ดีเลือกให้ถูก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แน่นอนว่าหลายคนคงไม่อยากเป็นหนี้ เป็นสิน กัน แต่ถ้ามีความจำเป็นกันจะทำยังไงดี แต่นะว่าจำเป็น ถ้าต้องเป็นหนี้เพื่อไปท่องเที่ยว เพื่อให้มีรูปถ่ายมาอวดคนอื่นๆ บนหน้าเฟสว่าฉันก็ไปมาแล้วนะที่นี้ ขอย้ำว่าอย่าทำดีกว่า หรือจะเป็นหนี้เพื่อให้เพื่อนเห็นว่าฉันนี้แบรนด์เนมนะจ๊ะ ก็จะย้ำเน้นๆ อีกว่าหยุดคิดไปได้เลย...เป็นหนี้เพื่อความจำเป็นดีกว่า เช่น ต้องเข้าโรงพยาบาล ต้องจ่ายค่าเทอมให้ลูก หรือต้องซ่อมรถถ้าไม่ซ่อมไม่มีทำงานแน่ หรือจะเป็นต้องซ่อมบ้าน ถ้าไม่ทำน้ำรั่วเข้าบ้านของในบ้านพังอีกต่างหาก

โดยสินเชื่อด่วนด่วนแบบนี้ก็มีให้เลือก 2 แบบ คือ สินเชื่อส่วนบุคคล หรือจะเป็นสินเชื่อบัตรกดเงินสด ที่ว่าด่วนก็คือ แต่ละธนาคารจะใช้เอกสารและเวลาในการพิจารณาอนุมัติไม่มาก 3-5 วันก็รู้ผลแล้ว แต่ดอกเบี้ยของสินเชื่อทั้ง 2 ตัวนี้ก็แพงอยู่ ประมาณ 28% ต่อปี แต่เวลาทีเซลล์โทรมาขายจะบอกเราแค่ว่า 2% ต่อเดือน ซึ่งทำให้หลายคนติดกับดักมาแล้ว

ทั้งสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อเงินสด คือ สินเชื่อที่ธนาคารให้เราเพื่อนำเงินไปใช้จ่ายส่วนตัว จะใช้อะไรก็ได้ ธนาคารจะไม่มาตรวจสอบเราเหมือนกับเวลาเรากู้ซื้อบ้านหรือรถยนต์ที่จะต้องให้เห็นว่าซื้อบ้านจริง ซื้อรถยนต์จริง ทีนี้พอได้เงินก้อนมาก็สนุกละซิเรา ไม่มีใครมาบังคับว่าจะเอาเงินไปทำอะไรบ้าง ก็กลายเป็นว่าเอาไปใช้แบบไม่คิด แต่เวลาจ่ายคืนนี่ซิคิดหนักจนแทบเป็นบ้ากันเลยทีเดียว

เรามาดูที่สินเชื่อส่วนบุคคลกันก่อนดีกว่า สินเชื่อส่วนบุคคล คือ เมื่อธนาคารพิจารณาอนุมัติวงเงินให้เราแล้ว ธนาคารจะโอนเงินเข้าบัญชีให้กับเรามาหนึ่งก้อน เราจะเอาไปทำอะไรก็ได้ จ่ายค่าเทอมลูก ค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉิน หรือจะเอาไปปลดหนี้บัตรเครดิต ก็ได้แต่ต้องห้ามใช้เงินจากบัตรเครดิตอีก ไม่งั้นก็จะเป็นงูกินหางไปเรื่อยๆ เวลาจ่ายคืนก็จะต้องจ่ายคืนให้ธนาคารเป็นงวดๆ เช่น 12 เดือน 24 เดือนหรือสูงสุดอาจจะเป็น 84 เดือนกันเลยทีเดียว และแต่ละงวดก็จะจ่ายเงินที่เท่ากันทุกงวด แต่บางธนาคารก็ใจดีหากเรามีเงินมาจ่ายเพิ่มในแต่ละงวดก็จะไปตัดเงินต้นให้เราทันที ก็จะช่วยให้เราประหยัดดอกเบี้ยได้

ส่วนสินเชื่อบัตรกดเงินสด ก็คือ เมื่อธนาคารอนุมัติวงเงินให้เราแล้ว เราจะได้มาเป็นบัตร 1 ใบ พร้อมกับรหัสกดเงินเหมือนกับบัตรเอทีเอ็ม ที่เราสามารถกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มของธนาคารไหนก็ได้ เมื่อกดเงินเอาเงินออกมาเราถึงจะถูกคิดดอกเบี้ย และเมื่อนำเงินไปคืนทั้งจำนวนก็จะถูกคิดดอกเบี้ยด้วยจำนวนเงินที่กดออกมาและจำนวนวันที่เอาเงินออกมาด้วยเช่นกัน แต่ถ้าหากเราจ่ายคืนด้วยจำนวนเงินขั้นต่ำ ส่วนที่เหลือก็จะถูกคิดดอกเบี้ยต่อไป แต่ไม่ใช่ลดต้นลดดอกเหมือนกับสินเชื่อส่วนบุคคล แต่เราจะถูกคิดดอกเบี้ยด้วยจำนวนเงินก้อนแรกที่กดเงินออกมา เช่น กดมา 10,000 บาท จ่ายคืนเพียง 1,000 บาท เราก็จะถูกคิดดอกเบี้ยที่ 10,000 บาทไปตลอดจนกว่าจะจ่ายคืนหมด

ทีนี้ก่อนที่จะเป็นหนี้สินอะไรสักอย่างก็ต้องคิดกันให้ดีว่าเป็นหนี้แล้ว เอาใช้เรื่องจำเป็นจริงๆ ใช่หรือเปล่า เพราะถ้าไม่ใช่ก็ต้องคิดให้ดีๆ เพราะดอกเบี้ยที่เราต้องจ่ายสำหรับสินเชื่อทั้ง 2 อย่างนี้ ประมาณ 10 เท่าของดอกเบี้ยเงินฝากกันเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นก่อนจะเป็นหนี้ต้องท่องไว้ว่า ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องใช้ ไม่มีก็ไม่ต้องซื้อ ไม่มีก็ไม่ต้องเที่ยว ใช้ของที่มีอยู่ก่อน นอนอยู่บ้านชิวๆ ดีกว่า จำไว้ให้ขึ้นใจ ใช้เงินให้น้อยกว่าที่หาได้ ที่เหลือก็แบ่งไปเก็บ พอมีแล้วก็ค่อยซื้อ ค่อยเที่ยว จะได้ไม่ทุกข์กันทีหลัง

Advertorial

สนับสนุนเนื้อหาโดย MoneyHub

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook