“ปานามา เปเปอร์ส” เผยชื่อกว่า 3 แสนบริษัท และคนไทยนับพันราย
เอกสารลับปานามา เปเปอร์สที่มีการนำออกมาเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ เผยให้เห็นรายชื่อบริษัทและกองทุนต่างชาติกว่า 300,000 แห่งที่ไปจดทะเบียนในต่างประเทศ ในจำนวนนี้มีคนไทยมีรายชื่อรวมอยู่ด้วยกว่า 1,400 ราย
สมาคมผู้สื่อข่าวสืบสวนสอบสวนนานาชาติ หรือไอซีไอเจ นำข้อมูลเอกสารลับ ปานามา เปเปอร์สออกเผยแพร่ต่อสาธารณชน ให้คนที่สนใจเข้าดูได้แล้วทางเว็บไซต์ offshoreleaks.icij.org ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (10 พ.ค. 59) โดยมีรายชื่อบุคคลและหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจนอกประเทศ (Off-Shore) ที่ใช้บริการจากบริษัท มอสแซค ฟอนเซกา
ข้อมูลลับของมอสแซค ฟอนเซกา บริษัทกฎหมายสัญชาติปานามาที่ถูกนำออกเผยแพร่ล่าสุดนี้ เป็นรายละเอียดเฉพาะเจาะจงในส่วนของรายชื่อและข้อมูลของบริษัทตัวแทนในต่างประเทศมากกว่า 300,000 ราย เป็นหลักฐานสำคัญที่ชี้ให้เห็นถึงการหลบเลี่ยงภาษีของบุคคลระดับผู้นำประเทศและนักธุรกิจทั่วโลก
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบรายชื่อนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงของประเทศไทย และดารานักแสดงในวงการบันเทิง รวมทั้งมีรายชื่อของบุคคลสำคัญในวงการอื่นอีกมากถึง 1,413 รายชื่อ จากเดิมที่ก่อนหน้านี้ ป.ป.ง. เคยเปิดเผยว่า มีคนไทย 21 รายที่มีรายชื่ออยู่ในปานามา เปอร์สด้วย
ข้อมูลในปานามา เปเปอร์สแสดงให้เห็นว่า กลุ่มคนร่ำรวยบางกลุ่มใช้วิธีการจัดตั้งบริษัทในต่างแดน เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีและมาตรการคว่ำบาตร อีกทั้งยังเปิดเผยทรัพย์สินที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้ของนักการเมือง เจ้าหน้าที่ อดีตผู้นำหรือผู้นำคนปัจจุบันของประเทศต่างๆ ทั้งเหล่าคนดังและนักกีฬาชื่อดังทั่วโลก ทำให้การเปิดโปงเอกสารดังกล่าวก่อนหน้านี้นำมาสู่การสั่นสะเทือนในแทบทุกวงการ
จากการเปิดเผยข้อมูลล่าสุดของไอซีไอเจยังพบว่า มีชื่อนายเซอร์เก ไซเตฟ คนใกล้ชิดของประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก ผู้นำยูเครน เกี่ยวข้องกับบริษัท อินทราโก แมเนจเมนท์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ไปจดทะเบียนอยู่ในเกาะบริทิช เวอร์จินรวมอยู่ด้วย นอกจากนั้นยังพบว่า มีรายชื่อบริษัทอย่างน้อย 3 แห่งที่ผู้นำยูเครนเป็นเจ้าของ
ข้อมูลดังกล่าวทำให้กับนายโปโรเชนโกเสียหน้าเป็นอย่างมาก เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาเพิ่งจะประกาศว่า รัฐบาลเตรียมจะเดินหน้ากฎหมายสั่งปิดบริษัทที่ไปเปิดข้ามชาติ เพื่อบีบให้บริษัทเหล่านั้นกลับมาเสียภาษีที่ประเทศบ้านเกิด อย่างไรก็ตามมีการแถลงข่าวชี้แจงมายังสื่อมวลชนยืนยันว่า ผู้นำยูเครนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท อินทราโกแต่อย่างใด แต่ถึงกระนั้นก็จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนพิเศษขึ้นมา เพื่อตรวจสอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับผู้นำยูเครน หลังจากมีข้อกล่าวหาออกมาล่าสุด