ทอท.-บ.ปาร์กกิ้ง แจงปัญหาเก็บค่าจอดรถสุวรรณภูมิ

วันนี้ คณะกรรมการพิจารณารายได้ และบริษัทผู้รับสัมปทานเก็บค่าที่จอดรถสุวรรณภูมิ จะเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการตรวจสอบการบริหารพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หลังพบความผิดปกติในการบริหารสัญญา ขณะที่วันแรกของการยกเลิกสัญญาสัมปทานจัดเก็บที่จอดรถที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถนำรถไปจอดได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
   
               เจ้าหน้าที่บริษัทท่าอากาศยานไทย หรือ ทอท. ตั้งโต๊ะรับบัตรคืนจากผู้ใช้บริการภายในอาคารจอดรถที่สนามบินสุวรรณภูมิหลัง ยกเลิกสัญญากับบริษัทปาร์คกิ้งแมเนจเมนท์ผู้ได้รับสัมปทานจัดเก็บค่าจอดรถ ซึ่งมีผลวันแรกเมื่อวานนี้ส่งผลให้ผู้ใช้บริการที่จอดรถไม่ต้องเสียค่าใช้ จ่าย

          นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบการบริหารพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดเผยว่า จากการเรียกคณะกรรมการร่างทีโออาร์สัญญาอาคารและลานจอดรถสนามบินสุวรรณภูมิ บริษัทท่าอากาศยานไทย (ทอท.) มาสอบถามข้อมูล เบื้องต้นกรรมการเห็นว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ที่การบริหารสัญญาที่ส่อให้เห็นพิรุธตั้งแต่แรก คือ เมื่อทอท.เรียกเก็บเงินรายได้ขั้นต่ำตามสัญญาจำนวน 16,500,000บาท และขอเข้าตรวจสอบข้อมูลแต่ไม่สามารถทำได้ ถือว่าก่อให้เกิดความเสียหายซึ่งที่ผ่านมาทอท.สามารถบอกเลิกสัญญาได้แต่กลับ ไม่ยกเลิกสัญญา

          ส่วนผลจากการหารือในที่ประชุมมีการตั้งข้อสังเกตถึงความไม่โปร่งใสจำนวน 5 ข้อ คือ การตีความมูลค่าโครงการที่ระบุว่ามีมูลค่าไม่เกิน 1,000ล้านบาท 2. การปรับลดคุณสมบัติบริษัทที่เข้าร่วมประกวดราคาไว้ที่บริหารลานจอดรถ 1,000 คันจากเดิมที่กำหนดไว้ที่ 5,000 คัน 3.การติดตามการดำเนินงานตามเงื่อนไขสัญญา 4.การจ่ายเงินล่วงหน้าที่เอกชนต้องจ่ายให้ทอท. และ 5. การทำสัญญาที่ผ่านมามีการตรวจสอบถึงปัญหาในการดำเนินงานหรือไม่เนื่องจากพบ ว่า ไม่มีคณะกรรมการบริหารสัญญาทั้งที่ในความเป็นจริงจำเป็นต้องมี

          ซึ่งในวันนี้ ได้เชิญคณะกรรมการพิจารณารายได้ที่มีนายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ทอท.ในฐานะประธานคณะกรรมการฯ มาชี้แจงข้อเท็จจริงในช่วงเช้า ส่วนในช่วงบ่ายได้เชิญบริษัทเอกชนผู้รับสัมปทานมาชี้แจง

          ขณะที่นายธนกฤต เจนกิตติโชค กรรมการและผู้ถือหุ้นบริษัท ปาร์คกิ้ง เตรียมฟ้องร้องค่าเสียหายจากทอท.เพราะไม่ให้บริษัทฯเข้าไปจัดเก็บที่จอดรถ ตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมาวันละ 1,300,000 บาท