กรณ์โวจีดีพีไทยโตร้อยละ 10 แม้ครึ่งปีหลังจะชะลอตัวก็ตาม
กรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เผยเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 ที่ผ่านมาขยายตัวได้ร้อยละ 9.1 สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล และการปรับตัวของภาคเอกชน
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 ที่ผ่านมาขยายตัวได้ร้อยละ 9.1 สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล และการปรับตัวของภาคเอกชน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังมีสิ่งที่ต้องดำเนินการต่อไปในเรื่อง การทำให้การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ มีประชาชนได้ประโยชน์อย่างเท่าเทียมกัน โดยรัฐบาลจะเข้าไปแทรกแซงให้เกิดความเท่าเทียมมากขึ้น และจะส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจที่ยั่งยืนมากกว่า
"ที่ สศช.ประเมินเศรษฐกิจครึ่งปีหลังจะชะลอตัวลงตามการส่งออกที่จะชะลอลงจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นนั้น เห็นว่าการขยายตัวของจีดีพีครึ่งปีหลังจะเติบโตท้ายทายกว่าครึ่งแรกของปี แต่ยังอยู่ในสมมุติฐานของกระทรวงการคลังที่ประมาณการไว้ปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 5.5-6 ซึ่งเมื่อครึ่งปีแรกขยายตัวร้อยละ 10 ดังนั้นครึ่งหลังของปี ย่อมขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงอยู่แล้ว" นายกรณ์ กล่าว
ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาทแข็งค่านั้น ยืนยันว่าค่าเงินบาทของไทยไม่ได้แข็งค่ามากที่สุดในภูมิภาค เพราะค่าเงินของมาเลเซียก็แข็งค่ากว่าไทย แต่สิ่งสำคัญที่จะมีผลต่อการส่งออกของไทยคือกำลังซื้อของประเทศคู่ค้ามากกว่าอัตราแลกเปลี่ยน โดยค่าเงินบาทของไทยยังเคลื่อนไหวไปตามภูมิภาค ซึ่งส่วนใหญ่ก็ค่าเงินแข็งค่าขึ้น เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง
"ค่าเงินบาทแข็งค่ามาเป็นปีแล้ว และมีแนวโน้มจะแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง แต่ทั้งนี้ยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกมากนัก เพราะสกุลเงินอื่นๆ ก็แข็งค่าขึ้นด้วย ประเด็นที่น่าจับตาก็คือ กำลังซื้อของประเทศคู่ค้า ถ้าเศรษฐกิจประเทศเหล่านั้นชะลอ จะกระทบส่งออกของเรามากกว่า ทั้งนี้ ครึ่งปีหลังความเสี่ยงจากภายนอกมีมากกว่าภายใน" นายกรณ์ กล่าว
นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เดิมคลังคาดการณ์ว่าจีดีพีไตรมาส 2 น่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 8 และทั้งปีน่าจะขยายตัวร้อยละ 6-7 ซึ่งเมื่อ สศช.ประกาศตัวเลขจริงออกมาดีกว่าที่คาด ก็น่าจะทำให้จีดีพีทั้งปีขยายตัวได้ใกล้ร้อยละ 7 มากขึ้น
"ผมพูดถึงแนวโน้มเศรษฐกิจมาตั้งแต่ต้นปีแล้วว่า ความเสี่ยงของเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังจะมาจากปัจจัยภายนอกมากกว่าในประเทศ ซึ่งเห็นว่าจะเป็นเช่นนั้นจริง เพราะแม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะไม่ได้กลับไปแย่เหมือนเมื่อ 2 ปีก่อน แต่ก็ไม่ได้ฟื้นตัวที่ขึ้นที่สุดตามที่คาดหวังไว้ ซึ่งตัวเลขจีดีพีที่เราประมาณการณ์ไว้ก็ถือว่าอนุรักษ์นิยมแล้ว"