ข้อดีของการทำสินเชื่อรีไฟแนนซ์
เชื่อว่าหลายคนอาจจะกำลังคิดอยู่ว่าการทำสินเชื่อรีไฟแนนซ์อย่างไรให้มีประสิทธิภาพจะหาวิธีใดได้บ้าง หลายคนทราบกันดีว่า หากมีการทำสินเชื่อรีไฟแนนซ์ ก็จะทำให้มีอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ใหม่ที่ถูกกว่า และทำให้คุณผ่อนชำระได้ดอกเบี้ยที่ถูกลงกว่าเดิม แถมในบางกรณีอาจได้วงเงินกู้มากขึ้นกว่ายอดคงค้างเดิมอีกด้วย
การทำสินเชื่อรีไฟแนนซ์ ทั้งนี้ก็เพื่อลดภาระหนี้ และทำให้จำนวนเงินที่ต้องผ่อนต่อเดือนลดลง ซึ่งอาจได้เงินส่วนต่างจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ซึ่งจะทำให้มีเงินเหลือใช้จ่ายส่วนอื่นๆ ที่จำเป็นได้มากขึ้น และยังสามารถนำไปหมุนเวียนใช้จ่ายหรือหมุนเวียนในธุรกิจได้
สินเชื่อรีไฟแนนซ์ที่มีประสิทธิภาพ
ธนาคารแห่งประเทศไทยที่เคยประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งมีแนวโน้มว่าอัตราดอกเบี้ยน่าจะลดลงอีก ใครที่ผ่อนสินค้าหรือผ่อน บ้าน รถยนต์ เมื่อเห็นอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงมากแล้ว ก็คงอยากจะได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าดอกเบี้ยที่คุณไปกู้ยืมกันอยู่กันแน่เลย เพราะเหตุนี้จึงทำให้หลายคนหันมาสนใจในการทำสินเชื่อรีไฟแนนซ์ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งการทำสินเชื่อรีไฟแนนซ์ที่ถูกต้องจะต้องเป็นการกู้เงินที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อตัวผู้กู้มากที่สุด และหากมีการเปรียบเทียบอัตรา ส่วนค่าใช้จ่ายที่รวมสุทธิทั้งหมดกับหนี้สินที่เกิดมาจากการกู้ยืมก่อนหน้านี้
ประโยชน์ของการทำสินเชื่อรีไฟแนนซ์
การทำสินเชื่อรีไฟแนนซ์ (Refinance) คือการชำระเงินกู้ที่มีอยู่ในปัจจุบันทั้งหมดด้วยเงินที่ทำการกู้ใหม่ แต่ใช้สินทรัพย์ตัวเดิมเป็นหลักประกัน โดยทำการขอกู้เงินจากสถาบันการเงินแห่งใหม่เพื่อนำไปปลดภาระเงินกู้เก่าที่เคยมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์จากการผ่อนบ้าน คอนโด หรือรถไม่ไหว และหมุนเงินไม่ทัน ประกอบกับหนี้ก้อนเดิมที่มีอยู่อัตราดอกเบี้ยสูง หรือต้องจ่ายเงินงวดต่อเดือนสูงมาก
ซึ่งเป้าหมายของการขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์ ก็คือคุณจะได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง และจ่ายค่างวดที่ต้องจ่ายต่อเดือนลดลง หรือเรียกได้ว่ามีระยะเวลาเป็นหนี้นานขึ้น โดยอาจจะขอกู้จากสถาบันทางการเงินที่เป็นเจ้าหนี้รายเดิม หรืออาจเป็นสถาบันการเงินเจ้าใหม่ก็ได้ ซึ่งการทำสินเชื่อรีไฟแนนซ์ที่ถูกต้องจะต้องเป็นการกู้เงินที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อตัวผู้กู้มากที่สุด และเมื่อทำการรีไฟแนนซ์มาแล้วหนี้สินจะสามารถลดลงจากของเดิมนั่นเอง
ขั้นตอนการทำสินเชื่อรีไฟแนนซ์ของสินเชื่อบ้าน
การขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์พิจารณาเป็นลำดับแรก คือ การทำการตรวจสอบกับธนาคารว่าได้ให้อัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุดในเงื่อน ไขที่ดีที่สุดหรือไม่ และเมื่อได้ข้อมูลอัตราดอกเบี้ยจากสถาบันทางการเงินต่าง ๆ มาแล้ว ก็ให้มาทำการคำนวณ โดยจะต้อง นำข้อมูลสินเชื่อในสัญญาเก่ากู้ซื้อบ้านอันเก่าที่ยังคงเหลืออยู่ แล้วให้นำมาเปรียบเทียบกับสัญญาเงินกู้ที่จะทำการขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์ฉบับใหม่ (ค่างวดเก่า – ค่างวดใหม่) แล้วลองพิจารณาดูว่าเมื่อทำการขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์แล้ว จะประ หยัดค่างวดลงได้เยอะหรือไม่ และหากคำนวณแล้วประหยัดไปได้มาก ก็ให้ตัดสินใจยื่นเรื่องขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์กับธนา คารที่คุณคำนวณเห็นว่าคุ้มค่าที่สุด
สรุปการขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้าน
เมื่อคำนวณแล้วว่า การขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์จากธนาคารที่ใหม่ ซึ่งดูแล้วจ่ายน้อยลง จากนั้นให้ติดต่อธนาคารเก่าเพื่อขอสเตทเมนท์ และทำการสรุปยอดหนี้เงินกู้ และนำเอกสารสรุปยอดหนี้ที่ได้มา แล้วไปทำเรื่องยื่นกู้กับธนาคารใหม่ที่คุณจะขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์ ซึ่งเมื่อทำเรื่องยื่นกู้ใหม่กับธนาคารใหม่ที่คุณจะขอรีไฟแนนซ์นั้น มีขั้นตอนการรีไฟแนนซ์นั้นเหมือนกับ
การขอสินเชื่อใหม่เหมือนเดิมทุกประการ และให้รอผลอนุมัติจากธนาคารที่ยื่นกู้ใหม่
เมื่อธนาคารอนุมัติแล้วให้คุณติดต่อธนาคารเก่า เพื่อนัดวันไถ่ถอนที่สำนักงานที่ดิน ซึ่งธนาคารเดิมจะทำการสรุปยอดหนี้ให้อีกครั้ง พร้อมทั้งแจ้งชื่อผู้รับมอบอำนาจของทางธนาคารที่จะเป็นผู้ไปทำนิติกรรมที่สำนักงานที่ดิน คุณต้องแจ้งยอดหนี้ เป็นเงินต้นรวมดอกเบี้ยจนถึงวันไถ่ถอนแก่ธนาคารใหม่ จากนั้นให้ทำการติดต่อนัดธนาคารใหม่ เพื่อนัดวันทำสัญญาและจัดการโอนทรัพย์ที่ใช้จำนองโดยต้องเป็นวันเดียวกันกับที่นัดกับที่เดิมไว้ และให้ทำเรื่องโอนที่ ณ สำนักงานที่ดินในเขตที่บ้านของคุณตั้งอยู่ และให้ทำการจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้เรียบร้อย
หากยอดกู้สูงกว่าราคาไถ่ถอน ธนาคารใหม่จะทำการออกเช็คให้คุณสองใบ ใบหนึ่งจ่ายให้กับธนาคารเก่า และอีกใบหนึ่งให้คุณ และเมื่อจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว ก็ให้มอบโฉนดที่ได้มาจากสำนักงานที่ดินให้กับธนาคารใหม่ที่คุณเป็นหนี้ ก็ถือว่าเป็นการขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์เสร็จเรียบร้อย คุณเองก็จะเป็นหนี้กับธนาคารใหม่แล้ว แต่จะจ่ายอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง และประหยัดได้มากขึ้น
ความจำเป็นในการขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์
การทำสินเชื่อรีไฟแนนซ์ก็เหมือนกับการกู้เงินจากธนาคารใหม่ มาโปะหนี้ธนาคารเดิม ส่วนใหญ่จะทำกันทุกๆสามปี เพราะ โดยปกติแล้วธนาคารจะมีโปรโมชั่นดอกเบี้ยต่ำเฉพาะแค่สามปีแรกเท่านั้น ส่วนจะทำได้ทุกกรณีไหม ก็ต้องดูสัญญาเดิมด้วย เพราะปกติจะกำหนดไว้ว่าต้องอยู่กับธนาคารเดิมอย่างน้อยสามปี ถึงจะมีสิทธิ์ขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์ แต่หากต้องการทำก่อนก็สามารถทำได้ แต่คุณอาจจะต้องเสียค่าปรับประมาณ 3% ของยอดหนี้ ในช่วง 3ปีแรก ดอกเบี้ยจะถูกมาก
ยิ่งหากคุณจ่ายเงินไปมากเท่าไหร่ มันก็จะหักจากเงินต้นได้มากยิ่งขึ้น หากไม่ต้องการขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์ ก็ไปขอปรับลดดอกเบี้ยกับธนาคารเดิมได้ แต่บอกเลยว่ายากและไม่คุ้ม อีกวัตถุ ประสงค์ของการขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์ คือ รีเพื่อเอาเงินเพิ่มนั่นเอง
Advertorial
สนับสนุนเนื้อหาโดย MoneyHub