3 เทคนิคง่ายๆ ให้มี 10 ล้าน ก่อน 40

3 เทคนิคง่ายๆ ให้มี 10 ล้าน ก่อน 40

3 เทคนิคง่ายๆ ให้มี 10 ล้าน ก่อน 40
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“เพิ่มจำนวนเงินเก็บให้มากขึ้น โดยเก็บเงินให้มากกว่า 30% ต่อเดือน เพิ่มรายได้ให้ตัวเองปีละ 15% และเริ่มให้เงินทำงานแทน โดยลงทุนเพื่อผลตอบแทน 7% ต่อปี เป็นวิธีที่จะช่วยให้เรามีเงิน 10 ล้าน ก่อนอายุ 40 ได้”

การมีเงินเก็บหลักล้านอาจไม่ใช่เรื่องง่ายเลยใช่ไหมคะ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้ ในขณะที่หลายคนใช้เวลาเก็บเงินนานหลายปีจนอายุล่วงเลยไปมาก กว่าจะมีเงินล้านแรกได้ ซึ่งทุกวันนี้เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า เงินเก็บที่มีช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ได้ เช่น ซื้อบ้าน ซื้อรถ เรียนต่อ หรือเที่ยวต่างประเทศ และเดี๋ยวนี้บางคนก็อาจรู้สึกว่า เงินเก็บเพียงหลักล้านนั้นไม่พอ อยากมีให้ถึงหลักสิบล้าน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากมากนัก

สมมติ มนุษย์เงินเดือนคนหนึ่งเริ่มทำงานตอนอายุ 25 ปี เงินเดือน 20,000 บาท โดยเฉลี่ยเงินเดือนเพิ่มขึ้นปีละ 6% และได้โบนัส 4 เท่าต่อปี หากคนนี้เก็บออมทุกเดือน เดือนละ 15% ของเงินเดือน และนำเงินไปลงทุนได้ผลตอบแทน 2% ต่อปี หากทำแบบนี้สม่ำเสมอจนถึงอายุ 40 ปี จะมีเงินเก็บอยู่ที่ 3.05 ล้านบาทค่ะ แต่ถ้าอยากได้สัก 10 ล้านต้องทำยังไง K-Expert มี 3 เทคนิคที่จะช่วยให้เรามีเงิน 10 ล้าน ก่อนอายุ 40 มาฝากกันค่ะ


1. เพิ่มจำนวนเงินเก็บให้มากขึ้น

เทคนิคแรก แนะนำให้เพิ่มจำนวนเงินเก็บให้มากขึ้น โดยเก็บเงินให้ได้มากกว่า 30% ของรายได้ต่อเดือน แต่จะทำยังไงให้เราเก็บเงินได้มากมายขนาดนั้น มี 2 วิธีง่ายๆ มาแนะนำค่ะ
วิธีแรกคือ ลดการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยลง ลองเริ่มจากการจดบันทึกรับจ่ายเพื่อให้เราเห็นว่า ค่าใช้จ่ายอะไรบ้างเป็นค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ซึ่งสามารถลดหรือตัดทิ้งไปได้ โดยที่ไม่กระทบกับการใช้ชีวิตของเรามากนัก เช่น การออกไปทานข้าวนอกบ้านที่มีราคาแพงบ่อยครั้ง หากเราสามารถลดจำนวนครั้งในการไปทานข้าวนอกบ้านลงได้ ก็จะช่วยเราประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ และทำให้มีเงินเหลือมาเก็บออมได้มากขึ้นนั่นเองค่ะ


วิธีที่สองคือ ออมก่อนใช้และออมอย่างสม่ำเสมอ เมื่อมีรายได้เข้ามาก็ให้เก็บออมก่อนเลย และพยายามทำให้เป็นนิสัย โดยเก็บออมก่อนใช้อย่างสม่ำเสมอทุกเดือน ถ้าอยากให้ชัวร์ แนะนำให้ใช้วิธีตัดบัญชีเงินฝากจากบัญชีเงินเดือนทุกเดือนเพื่อนำฝากเงินอัตโนมัติไปเลยค่ะ ซึ่งจะช่วยให้เรามีวินัยในการออมเงินและมั่นใจได้ชัวร์ๆ เลยว่า เราจะมีเงินเก็บแน่นอนทุกเดือน

2. เพิ่มรายได้ให้ตัวเอง

มาถึงเทคนิคที่สอง แนะนำให้เพิ่มรายได้ให้ตัวเอง โดยหารายได้เพิ่มให้ได้ปีละ 15% ค่ะ แล้วจะทำยังไงเราถึงสามารถหารายได้เพิ่มได้ มี 2 วิธีมานำเสนอค่ะ

วิธีแรกคือ พัฒนาทักษะ ความรู้ความสามารถของตัวเองเพื่อสร้างผลงานให้โดดเด่น เป็นที่ยอมรับ ซึ่งจะทำให้เราได้เลื่อนตำแหน่งเร็วขึ้น หรือมีโอกาสได้ทำงานที่ท้าทายซึ่งได้ผลตอบแทนสูงขึ้นนั่นเอง

วิธีที่สองคือ มองหาช่องทางเพิ่มรายได้ให้มากขึ้น โดยแปลงความรู้ความสามารถที่เรามีมาสร้างรายได้ด้วยการทำอาชีพเสริมค่ะ เช่น หากหนุ่มๆ คนไหนมีความสามารถในการถ่ายภาพก็สามารถรับงานถ่ายภาพตามงานต่างๆ อย่างงานรับปริญญาได้ หรือสาวๆ คนไหนมีฝีมือในการทำขนมก็สามารถทำขนมมาขาย โดยใช้ Social Media ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้เป็นช่องทางในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ได้เลยค่ะ หากอาชีพเสริมที่เราทำนั้นรุ่ง รับรองว่าจะมีรายได้เข้ามาอย่างไม่ขาดสายเลยล่ะค่ะ

3. เริ่มให้เงินทำงานแทน

เทคนิคสุดท้ายคือ ให้เงินทำงานแทนเรา โดยแนะนำให้ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้นเพื่อให้ได้ผลตอบแทนอยู่ที่ 7% ต่อปี

ทุกวันนี้คนไทยส่วนใหญ่ยังคงเก็บเงินไว้ในเงินฝากซึ่งได้ดอกเบี้ยค่อนข้างน้อยมากๆ โดยเฉพาะเงินฝากออมทรัพย์ที่ได้ดอกเบี้ยอยู่ที่ 0.5% ต่อปี รู้หรือไม่ว่าการลงทุนแบบไม่เสี่ยงนั้นถือเป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่ง ดังนั้น แนะนำให้เริ่มต้นศึกษาการลงทุนด้วยตัวเองตั้งแต่วันนี้ โดยสามารถศึกษาข้อมูลด้านการลงทุน สมัครเข้าฟังสัมมนา รวมทั้งพูดคุย ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนผ่านเว็บไซต์ของ K-Expert ค่ะ

ขอแนะนำตัวอย่างพอร์ตการลงทุนให้เห็นภาพดังนี้ค่ะ




สำหรับใครที่ไม่สะดวกจัดพอร์ต หรือคิดว่าตัวเองไม่มีเวลามาดูแลพอร์ตแล้วล่ะก็ การลงทุนในกองทุนผสมก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจค่ะ เพราะมีผู้จัดการกองทุนบริหารเงินลงทุนให้เรา และยังคอยปรับสัดส่วนการลงทุนให้เป็นไปตามนโยบายการลงทุนที่กำหนดไว้ด้วย

ปัจจุบันมีสินทรัพย์มากมายให้เราเลือกลงทุน หลายคนคงอยากรู้ว่าสินทรัพย์ประเภทไหนให้ผลตอบแทนเท่าไร จากสถิติย้อนหลัง 10 ปี (ข้อมูลช่วง 1 มี.ค. 49 – 29 ก.พ. 59)

สินทรัพย์แต่ละประเภทให้ผลตอบแทนแตกต่างกันดังนี้ค่ะ
สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น เงินฝาก ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 2.4% ต่อปี
สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงปานกลาง เช่น ตราสารหนี้ ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 5.5% ต่อปี
สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น หุ้นไทย ทองคำ โดยหุ้นไทยให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 10.4% ต่อปี ส่วนทองคำให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 7.3% ต่อปี
ทั้งนี้ อย่าลืมนะคะว่า ผลตอบแทนในอดีตไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนในอนาคต และการลงทุนไม่ใช่การฝากเงิน ดังนั้น เราเองในฐานะของผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน และเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่เหมาะกับระดับความเสี่ยงที่เรารับได้และระยะเวลาลงทุนค่ะ

และนี่คือ 3 เทคนิคง่ายๆ ที่นำมาฝาก ขอเพียงแค่เราปรับทัศนคติ มุมมอง ลองเปลี่ยนวิธีการเก็บเงิน มองหาวิธีเพิ่มรายได้ และลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงมากขึ้นเพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น ที่สำคัญคือ ต้องเริ่มต้นลงมือทำด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ และทำเป็นประจำสม่ำเสมอ หากเริ่มตั้งแต่อายุ 25 เมื่อเราอายุ 40 ปี ก็จะมีเงินเก็บถึง 10.4 ล้านบาท อย่างที่ตั้งใจไว้เลยล่ะค่ะ

บทความจาก K-Expert 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook