4 รู้ ปูทางสู่ความมั่งคั่ง
Money Ideas
'ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด’ หมายถึง คนที่มีวิชาความรู้เป็นอย่างดีหรือรู้ในเรื่องราวต่างๆมากมาย แต่กลับนำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์กับตนเอง หรือใช้แก้ไขยามเกิดปัญหาได้
แน่นอนว่าในทางการเงินเองก็มีคนที่ให้ความสนใจและพยายามศึกษาหาข้อมูลความรู้ต่างๆอยู่เสมอเช่นกัน แต่กลับมีคนเพียงแค่หยิบมือเท่านั้นที่สามารถนำความรู้ที่ได้มาประยุกต์ใช้และสร้างความมั่งคั่งให้กับตนเองได้
นั่นอาจจะเป็นเพราะสิ่งที่เขารู้นั้นเกินความจำเป็นรึเปล่า? หรือที่จริงแล้วความรู้ทางด้านการเงินที่จะทำให้มั่งคั่งได้มีเพียงไม่กี่ข้อเท่านั้น?
คำตอบคือ ถ้าอยากมั่งคั่งร่ำรวยล่ะก็ขอให้คุณมีแค่ ‘4รู้’ ก็เพียงพอแล้ว
ข้อที่ 1 รู้หา
รู้หาในที่นี้ก็คือ การหารายได้ หรือเรียกง่ายๆว่าการหาเงิน ทุกวันนี้การหาเงินมีมากมายหลายวิธี แต่สิ่งที่ทำใหคนรวยมากมายแตกต่างออกไปนั่นคือ พวกเขานอกจะรู้วิธีหารายได้แล้วยังรู้จัก วิธีสร้างรายได้ ด้วย และวิธีสร้างรายได้นี่เองที่ทุกคนควรเรียนรู้ เพราะในยุคที่เงินเฟ้อขึ้นทุกปีแถมดอกเบี้ยลดลงจนเกือบแตะที่ 0% แบบนี้ การหารายได้หลักได้เพียงทางเดียวถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเสี่ยง ลองคิดดูว่าถ้าวันหนึ่งบริษัทที่เราทำงานให้ขอให้เราลาออก (ในความจริงแล้วอะไรก็เกิดขึ้นได้) นั่นเท่ากับรายได้ทั้งหมดที่เรามีก็หายไปด้วย ในขณะที่รายได้หายไป รายจ่ายกลับยังอยู่
ดังนั้นสิ่งแรกที่จะช่วยสร้างทั้งความมั่นคงและมั่งคั่งให้กับชีวิตได้นั่นก็คือ การสร้างหนทางรายได้ให้มีมากกว่า 1 ทาง เช่น
นาย A มีรายได้จากงานประจำเดือนละ 15,000 บาท
มีรายได้จากงานพิเศษเดือนละ 5,000 บาท
รวมแล้ว A มีรายได้เดือนละ 20,000 บาท
แต่รายได้จากการทำงานทั้งหมดจำเป็นต้องลงแรงและใช้เวลาจำนวนมาก ทำให้การสร้างรายได้จากการทำงานโดยตรงสร้างความเหนื่อยล้าได้ง่ายๆ
การสร้างรายได้ยังมีอีกวิธีที่ช่วยประหยักทั้งด้านแรงกายและประหยัดเวลาที่หลายคนคงได้ยินบ่อยๆ นั่นก็คือ Passive Income นั่นเอง
Passive Income คือ การนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์เพื่อให้เงินทำงานแสร้างรายได้แทนตัวเรา ทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า Passive Income คือการที่เราจะมีรายได้โดยไม่ต้องทำงาน แต่ที่จริงถึงจะมี Passive Income เราก็ต้องทำงาน แต่อาจจะไม่ได้ลงแรงและเวลามากเท่าการทำงานทั่วๆไปเท่านั้น
การสร้าง Passive Income นั้นเกิดขึ้นได้หลายทางเช่น การขายหรือให้เช่าในทรัพย์สินที่เราเป็นเจ้าของอย่างบ้าน, คอนโดมิเนียม, ที่ดิน หรือการลงทุนซื้อหุ้นที่ให้เงินปันผล นอกจากนี้การสร้างงานที่มีลิขสิทธิ์ทางปัญญาเองก็ถือเป็น Passive Income เช่น การเขียนหนังสือ, การทำ e-book หรือการสร้างงานศิลปะ เรียกได้ว่าการสร้างรายได้จากการทำงานและการสร้าง Passive Income ร่วมกันถือเป็นกุญแจสู่ความมั่งคั่ง
ข้อที่ 2 รู้ใช้
เคยมีคำพูดว่า ‘เงินทองต้องวางแผน’ นั่นก็เพระาถึงแม้เราจะสามารถสร้างรายได้ได้มากกว่า 1 ทางและประสบความสำเร็จจากการสร้างรายได้ก็ตาม แต่หากบริหารจัดการเงินที่ได้มาไม่ดี นอกจากจะสร้างความร่ำรวยไม่ได้แล้ว อาจจะทำให้รายได้ที่มีหายไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลยก็ได้ บางคนอาจจะเคยได้ยินเรื่องราวของธุรกิจที่ขายดีจนบริษัทเจ๊ง อ่านไม่ผิดหรอก ขายดีจนเจ๊ง เกือบทุกคนที่ได้ยินเรื่องนี้แปลกใจว่า ก็ขายดีแล้วทำไมยังเจ๊งอีก!? เมื่อค้นหาสาเหตุดีๆแล้วจะพบว่าสาเหตุที่ทำให้ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จล้มลงนั่นคือ การไม่บริหารจัดการเงินให้ดี ได้แก่
1ไม่ทำบัญชีรายรับ – รายจ่าย
การทำธุรกิจโดยไม่ทำบัญชีรายรับ – รายจ่ายเพราะคิดว่าธุรกิจของตนมีขนาดเล็ก หรือเจ้าของะรุกิจไม่มีความรู้ทางด้านบัญชีจึงไม่ทำบัญชีก็ตาม ทำให้ธุรกิจดำเนินไปโดยไม่รู้ว่ามีรายจ่ายเท่าไหร่ ใช้เงินลงทุนอะไรไปบ้าง และเมื่อไม่รู้ก็อุดรอยรั่วหรือคุมรายจ่ายไม่ได้
2ไม่แบ่งสรรเงินให้ชัดเจน
การไม่แบ่งเงินออกเป็นสัดส่วนให้ชัดเจน ทำให้ธุรกิจไม่มีระบบการเงินที่แน่นอน ไม่รู้ว่าเงินส่วนไหนสำหรับใช้เพื่อลงทุนในธุรกิจเช่น ค่าวัตถุดิบ, ค่าแรงในการทำงาน, เงินสำรองฉุกเฉิน แต่กลับถือว่าเงินส่วนนี้คือเงินที่สามารถหยิบใช้ได้ตลอด จึงไม่รู้ต้นทุนที่แท้จริงและไม่สามารถควบคุมรายจ่ายได้เลย
ทำให้บทสรุปของธุรกิจที่สร้างมาคือขาดทุนจนธุรกิจเดินต่อไปไม่ได้
กุญแจสำคัญของการ ‘รู้ใช้’ ในเรื่องเงินๆทองๆ คือ
1ประมาณการรายรับ – รายจ่าย
เราควรประมาณการรายรับ – รายจ่ายในชีวิตโดยการวางแผนเป็นรายปี ลองคิด่าแต่ละเดือนมีรายจ่ายๆสำคัญๆอะไรบ้าง หรือมีรายจ่ายพิเศษเช่น ของขวัญสำหรับวันพิเศษ การวางแผนจะทำให้ชีวิตการเงินของเราเกิดความมั่นคงและยังใช้รับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้
2เปรียบเทียบทรัพย์สินกับหนี้สิน
สิ่งนี้ทำให้เรารู้ว่าสถานภาพทางการเงินของเราอยู่ในขั้นดีหรือขั้นติดตัวแดง หากไม่ทำก็จะวางแผนทางการเงินอย่างชัดเจนไม่ได้ และบริหารการเงินของเราเองไม่ได้เช่นกัน
3ทำบันชีรายรับ – รายจ่าย
ไม่ว่าจะมีเคล็ดลับทางการเงินใดก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือการฝึกทำบัญชีรายรับ – รายจ่าย เพราะช่วยให้เรารู้ว่ารายได้ทั้งหมดออกไปไหนบ้างและจะสามารถควบคุมรายจ่ายได้อย่างไร
ข้อที่ 3 รู้ออม
การออมเงินเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราก้าวผ่านความยากจนได้แต่จริงๆแล้วหลายคนยังมีความคิดที่ผิดเกี่ยวกับการเงินคือ ‘ใช้เงินก่อนก่อน ที่เหลือจากการใช้ค่อยเก็บ’ แต่ที่จริงเราต้องเปลี่ยนความคิดเป็น ‘ออมเงินก่อน ที่เหลือจากการออมค่อยนำไปใช้’ เพราะการออมที่ดีคือ
รายได้ – เงินออม = รายจ่าย
แค่เราเริ่มต้อนออมเงินเพียง 10% ก็สามารถสร้างความมั่งคั่งได้แล้ว
แต่สิ่งสำคัญที่ต้องคิดถึงก่อนเริ่มออมคือ เราออมเงินไปเพื่ออะไร? การออมเิงนไปเรื่อยๆมีโอกาสที่จะล้มเหลวสูงเพราะเราไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน เราไม่รู้ว่าจะออมเงินไปทำไม แต่การมีเป้าหมายการออมเงินที่ชัดเจนจะทำให้การออมมีความท้าทายและทำให้ประสบควาสมสำเร็จได้มากขึ้น
และหากใครยังไม่มีเป้าหมายออมเงินก็ให้เริ่มต้นจากเป้าหมายต่อไปนี้ดู
1การออมเงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน
เพราะอนาคตเป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้ พรุ่งเราอาจจะต้องเจ็บป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาลหรือต้องออกจากงานที่ทำกระทันหัน การมีเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินช่วยให้เรามีความมั่นคงในระดับหยึ่ง เราสามารถคำนวณเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินได้จาก
จำนวนรายจ่ายทั้งเดือน x 6 (จำนวนเดือน) = เงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน
*จำนวนเดือนที่ดีไม่ควรน้อยกว่า 6 เดือน ยิ่งมากยิ่งดี
2การออมเงินเพื่อการเกษียณ
เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นแล้วการเกษียณหรือวางมือจากการทำงานทั้งหมดเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้น หลายคนกังวลเพราะไม่เตรียมแผนการเกษียณมาก่อน การออมเงินเพื่อการเกษียณควรทำหลังจากออมเงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน และควรเริ่มออมยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น อาจจะเริ่มโดยการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเกษียณที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่า
3การออมเพื่อโอกาสพิเศษ
การออมลักษณะนี้จะเกิดขึ้นเมื่อมีเป้าหมายพิเศษในระยะสั้นๆเช่น เรียนต่อ, ไปเที่ยว หรือแต่งงาน การออมในโอกาสพิเศษสามารถออมได้ควบคู่ไปกับการออมเพื่อลงทุนเช่นกัน และการออมนี้ควรกำหนดระยะเวลาให้ชัดเจนเพื่อเลือกลักษระการออมที่ให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมทั้งในด้านจำนวนเงิน, เวลา และผลตอบแทน
ข้อที่ 4 รู้ลงทุน
เมื่ออมเงินมาได้สักระยะ หลายคนก็ต่อยอดการออมโดยการนำเงินออมที่มีบางส่วนไปลงทุนก็สามารถสร้างความมั่งคั่งได้เร็วยิ่งขึ้นเช่นกัน แต่อย่าลืมว่าทุกการลงทุนมีความเสี่ยงการนำเงินไปลงทุนโดยขาดความรู้ความเข้าใจคือเรื่องอันตรายอย่างมาก ดังนั้นก่อนลงทุนทุกครั้งควรศึกษาสินทรัพย์ที่จะลงทุนอย่างละเอียด
การลงทุนมีหลายประเภท แต่ละประเภทมีข้อดีและข้อจำกัดแตกต่างกันออกไปคือ
.
เมื่อเลือกลงทุนให้เหมาะกับความชอบของตนเอง, ศึกษารายละเอียดการลงทุน, สร้างแผนการลงทุน และบริหารจัดการการลงทุนให้ชัดเจนก็จะสามารถเริ่มต้นลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับตนเองได้
เคล็ดลับ ‘4รู้ ปูทางสู่ความมั่งคั่ง’ เป็นหนทางสู่ความสำเร็จทางด้านการเงินก็จริง แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ‘การนำไปใช้’ เพราะถึงจะมีความรู้ด้านการเงินมากมายเพียงใดแต่หากไม่เริ่มต้นนำไปใช้และปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตก็ไม่มีทางก้าวสู่ความมั่งคั่งได้
อ่านต้นฉบับได้ที่ www.aommoney.com