ธนชาต กำไรไตรมาส2 กว่า 3 พันล.โตต่อเนื่อง 6 ไตรมาส
ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TBANK ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2559 มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 6 โดยไตรมาสนี้มีกำไรสุทธิจำนวน 3,158 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.04% จากไตรมาสก่อน Credit Cost ลดลงมาอยูที่ระดับ 0.66% แสดงให้เห็นว่า คุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ในระดับที่ดีมาก
นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคาร ธนชาต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในไตรมาส 2 ปี 2559 ธนาคารมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 6 โดยไตรมาสนี้ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 3,158 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.04% จากไตรมาสก่อน เป็นผลมาจากการรักษาความแข็งแกร่งของคุณภาพสินทรัพย์ ทำให้ค่าใช้จ่ายหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญลดลงอย่างมีนัย ประกอบกับการบริหารต้นทุนเงินฝากอย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่งวด 6 เดือนแรกปี 2559 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 6,002 ล้านบาท เติบโตขึ้น 14.14% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน”
“นอกจากนี้ Credit Cost ยังลดลงมาอยูที่ระดับ 0.66% แสดงให้เห็นว่า คุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ในระดับที่ดีมาก เรามุ่งเน้นด้านนี้และก็ทำสำเร็จมาโดยตลอด ส่งผลให้กำไรเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่ายอดสินเชื่อคงค้างจะปรับลดลงจากการชำระคืนของสินเชื่อที่ยังสูง แต่ยอดสินเชื่อปล่อยใหม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง7.42% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน พร้อมทั้งมีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีอีกด้วย และจากความสำเร็จในการบริหารสินเชื่อด้อยคุณภาพดังกล่าว ส่งผลให้ในงบการเงินรวมของธนาคารและบริษัทย่อยมี NPL Ratio ลดลงจากสิ้นปีก่อนมาอยู่ที่ 2.59% และในงบการเงินเฉพาะของธนาคารมี NPL Ratio คงเหลืออยู่ที่ 1.99% ด้านCoverage Ratioในงบการเงินรวมของธนาคารและบริษัทย่อยปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 129.01% ส่วนงบการเงินเฉพาะของธนาคารมี Coverage Ratio เติบโตขึ้นมาอยู่ที่ 139.24%ขณะที่อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญปรับตัวดีขึ้นตามผลการดำเนินงานของธนาคารและบริษัทย่อยที่ออกมาดี รวมไปถึง ความเข้มแข็งของเงินกองทุนของธนาคารที่อยู่ในระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมที่ 18.84%”
นายสมเจตน์กล่าวเพิ่มเติมว่า “ นอกจากนี้ เพื่อรองรับการเป็น Digital Banking ธนาคารได้เปิดตัว Mobile Banking ผ่านช่องทางโมบายแอพพลิเคชั่นภายใต้ชื่อ Thanachart Connect ไปเป็นที่เรียบร้อยเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งจากการเป็นแอปพลิเคชั่นที่โดดเด่นใช้งานง่าย จะส่งผลให้ฐานลูกค้าของธนาคารมีขนาดเพิ่มขึ้น และในเฟสถัดไปนั้น ธนาคารจะยกระดับการบริการด้วยการพัฒนาแอปพลิเคชั่นให้สามารถตอบโจทย์ทางการเงินให้แก่ลูกค้า (Financial Solution) โดยต่อยอดไปถึงการทำธุรกรรมด้านการซื้อขายกองทุนรวมและหลักทรัพย์ รวมไปถึงการสมัครขอสินเชื่อ ส่วนด้านระบบพร้อมเพย์ เราพร้อมที่จะสนับสนุนโครงการพร้อมเพย์ โดยธนาคารได้เปิดให้ลูกค้าได้ลงทะเบียนล่วงหน้าแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2559 ที่ผ่านมา ทั้งหมดนี้ทำให้เรามั่นใจว่า ลูกค้าจะสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ครอบคลุมตรงความต้องการของลูกค้าได้อย่างปลอดภัย ครบทุกช่องทางการให้บริการตามที่ลูกค้าพึงพอใจ ไม่ว่าจะเป็นทาง Digital, ทางโทรศัพท์, พนักงานบริการ หรือผ่านทางสาขาของธนาคารที่ครอบคลุมทั่วประเทศ”