รูปแบบต่าง ๆ ของการใช้บัตรเครดิตรูดซื้อทอง

รูปแบบต่าง ๆ ของการใช้บัตรเครดิตรูดซื้อทอง

รูปแบบต่าง ๆ ของการใช้บัตรเครดิตรูดซื้อทอง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ไม่น่าเชื่อว่าคนเราจะมีวิธีคิดหาช่องทางแปลกใหม่ในการใช้เครื่องมือทางการเงินที่เรารู้จักกันดีอย่างบัตรเครดิตเพื่อมาใช้เป็นช่องทางในการลงทุน ซื้อของเงินผ่อนหรือหมุนเงินกัน เป็นวิธีที่ในอดีตไม่มีคนทำกัน แต่ปัจจุบันโดยเฉพาะเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านเห็นทำกันเยอะมาก จนธนาคารเจ้าของบัตรเครดิตเองยังโดดมาร่วมวงออกโปรโมชั่นกันด้วย นั่นก็คือ การใช้บัตรเครดิตรูดเพื่อซื้อทอง นั่นเอง

ใช้บัตรเครดิตซื้อทองเพื่อลงทุน

อย่างที่ทราบกันดีว่าทองคำไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องประดับที่มีค่าไว้สะสมหรือใส่เพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นสินทรัพย์ที่คนเลือกลงทุนไม่ว่าจะเป็นระยะยาวหรือเพื่อซื้อขายเก็งกำไรกันในระยะสั้น ๆ ความผันผวนของราคาทองคำที่มีขึ้นมีลงในแต่ละวัน ทำให้นักลงทุนสามารถเข้ามาทำกำไรได้ นักลงทุนบางคนที่ไม่มีเงินสดแต่นึกอยากลงทุนเก็งกำไรในทองคำบ้าง ก็หาช่องทางการใช้เงินล่วงหน้าได้จากบัตรเครดิต ที่หากเลือกรูดบัตรหลังวันปิดยอดรายการก็จะได้รับช่วงระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงรอบถัดไปมากถึง 45 วัน ก็อาศัยช่วงเวลา 45 วันนี้แหละเลือกซื้อขายลงทุนในทองคำโดยใช้บัตรเครดิตรูดซื้อและขายเพื่อทำกำไรในช่วงสั้น ๆ

วิธีการลงทุนทองคำแบบนี้ถือว่ามีความเสี่ยงและมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก เนื่องจากความผันผวนของราคาทองคำทำให้เราไม่สามารถมั่นใจได้หรอกว่าจะทำกำไรได้จริงให้ช่วงเวลา 45 วันนี้ ยกเว้นว่าเรามีเงินสดจากแหล่งอื่นเพื่อที่จะมาจ่ายยอดเมื่อถึงกำหนดชำระ ไม่เช่นนั้นก็ต้องขายทองโดยมีโอกาสขาดทุนเพื่อนำเงินไปคืนบัตรเครดิต ที่สำคัญการใช้บัตรเครดิตเพื่อรูดซื้อทองนั้น ทางร้านทองจะคิดค่าธรรมเนียมในการรูดบัตรด้วย ปกติจะอยู่ที่ 2.5-3% ในกรณีของทองคำแท่งก็ต้องซื้อตั้งแต่ 5 บาท ขึ้นไป จึงจะไม่เสียค่าบล็อก หากต่ำกว่านั้นทางร้านจะคิดค่าบล็อกต่างหากอีกประมาณบาทละ 100 บาท และอย่างที่รู้กันว่าราคาทองคำขายออกกับซื้อเข้าของร้านทองจะมีส่วนต่างอยู่ที่บาทละ 100 บาท สำหรับทองคำแท่งด้วย

สมมติเพื่อให้เห็นภาพราคาทองคำขายออกอยู่ที่บาทละ 20,000 บาท

• เราซื้อที่ 5 บาท ต้นทุนก็จะเป็น 20,000 x 5 = 100,000 บาท
• บวกชาร์ตค่าธรรมเนียม 3% = 3,000 บาท
• รวมต้นทุนการรูดซื้อทอง 103,000 บาท
• ราคาทองคำที่ร้านจะรับซื้อจะต้องสูงถึงบาทละ 103,000 / 5 = 20,600 บาท ถึงจะเท่าทุน
• เท่ากับเราต้องเก็งกำไรเพื่อให้ราคาทองคำสูงขึ้นไปอีกอย่างน้อย 3% เท่ากับค่าธรรมเนียม เกินกว่านั้นจึงจะกำไร

ด้วยค่าใช้จ่ายในการลงทุนถือว่าสูงมาก ความผันผวนของราคาทองคำและระยะเวลาช่วงปลอดดอกเบี้ยของบัตรเครดิตที่สั้น ทำให้การลงทุนทองคำแบบนี้น่าจะไม่ใช่วิธีที่ดีนัก หากอยากลงทุนทองคำจริง ๆ น่าจะเลือกใช้วิธีค่อย ๆ เก็บเงินเมื่อได้เงินครบตามจำนวนที่ต้องการแล้วจึงนำมาซื้อทอง แบบนั้นน่าจะดีกว่า

ใช้บัตรเครดิตรูดผ่อนทอง

หากเราต้องการซื้อทองรูปพรรณเพื่อใช้ในการสวมใส่ เพื่อเป็นของขวัญหรือมีจุดประสงค์ในการใช้ประโยชน์อยู่แล้ว การรูดผ่านบัตรเครดิตที่มีโปรโมชั่นหรือแคมเปญให้ผ่อนได้ 0% หรือดอกเบี้ยต่ำกว่าปกติ เช่น 0.99% 10 เดือน ก็สามารถทำได้ แต่ต้องอย่าลืมว่าตอนใช้บัตรเครดิตรูดเพื่อซื้อทองกับร้านทอง ก็จะโดยชาร์ตค่าธรรมเนียมที่ 2.5-3% เช่นกัน หากมีเงินสดใช้เงินสดซื้อจะดีกว่า แต่หากไม่มีและจำเป็นต้องซื้อก็ควรเลือกโปรโมชั่นและแคมเปญที่มีความคุ้มค่า เช่น 0% และเมื่อถึงกำหนดจ่ายคืนในแต่ละเดือนก็ต้องจ่ายให้ตรงเวลาไม่ขาดส่งเพื่อจะได้ไม่โดนคิดดอกเบี้ยราคาแพงด้วย อย่างไรเสียการใช้บัตรเครดิตในการรูดซื้อทองก็เป็นการซื้อทองที่แพงกว่าการใช้เงินสดซื้ออยู่ดี

ใช้บัตรเครดิตรูดซื้อทองแล้วขายทันทีเพื่อหมุนเงิน

หลัง ๆ มีกรณีแบบนี้ให้เห็นกันบ่อยมาก เป็นการใช้ช่องทางการรูดซื้อทองผ่านบัตรเครดิต แล้วขายทองคืนร้านค้าทันทีเพื่อได้รับเงินสดมาใช้จ่ายก่อน ถึงเวลาค่อยหาเงินมาชำระคืนบัตรเครดิตในภายหลัง หากสามารถคืนเงินได้ทันภายในกำหนดชำระก็ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยด้วย ยอมเสียแต่ค่าธรรมเนียม 2.5-3% ตอนรูดซื้อทอง ร้านทองโดยมากก็ยินยอมให้ลูกค้าทำแบบนี้ได้ด้วย เพราะได้ค่าธรรมเนียมตั้งมากร้านไหนจะไม่เอา

หากลูกค้าเดือดร้อนเงินต้องการใช้เงินสดกะทันหัน แบบมีความจำเป็นจริง ๆ การใช้วิธีนี้ก็ถือว่าไม่เสียหายอะไร เพียงแต่เราต้องยอมรับค่าใช้จ่าย ซึ่งประกอบไปด้วยค่าธรรมเนียม 2.5-3% บวกด้วยส่วนต่างราคาซื้อขายทองคำ ซึ่งแม้จะขายทันทีก็มีส่วนต่างราคาขายออกกับราคารับซื้อที่บาทละ 100 บาท แต่อย่างน้อยเรายังมีเวลาหายใจให้พอหาเงินมาคืนได้ในช่วงระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยของบัตรเครดิต เมื่อเปรียบเทียบกับกรณีกดเงินสดที่ตู้ ATM ผ่านบัตรเครดิตก็ยังดีกว่า เนื่องจากหากเป็นการกดเงินสดที่ตู้ ATM นอกจากจะมีค่าธรรมเนียมในการกดที่ 3% แล้ว ดอกเบี้ยยังคิดตั้งแต่วันแรกที่เรากดเงินไปใช้เลยด้วย ช่วงเวลาปลอดดอกเบี้ยของบัตรเครดิตจะให้เฉพาะกับรายการที่ทำการรูดเพื่อซื้อสินค้ากับร้านค้าเท่านั้น


อย่างไรก็แล้วแต่ไม่ว่าจะเป็นการกดเงินสดจากตู้ ATM หรือการใช้บัตรเครดิตรูดซื้อทองแล้วขายทันทีเพื่อนำเงินไปหมุน ก็ไม่ควรใช้บ่อย ๆ พอใช้บ่อย ๆ หมุนเงินไม่ทันก็จะกลายเป็นหนี้บัตรเครดิตที่ต้องเสียดอกเบี้ยได้ ควรใช้เมื่อถึงคราวจำเป็นจริง ๆ เรียกได้ว่าไม่มีวิธีอื่นแล้วเท่านั้น

การพยายามหาช่องทางเพื่อใช้ประโยชน์ที่หลากหลายจากบัตรเครดิตถือเป็นเรื่องดี ไม่ใช่เรื่องผิด หากมีวินัยและเลือกใช้อย่างถูกต้อง เพียงแต่ผู้ใช้ต้องมีความระมัดระวัง อย่าให้ช่องทางเหล่านั้นย้อนกลับมาทำให้เราต้องกลายเป็นหนี้บัตรเครดิตที่พอกพูนจนจ่ายไม่ไหวในที่สุด

สนับสนุนเนื้อหาโดย MoneyHub

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook