เครือข่ายภาคตะวันออกยื่นหนังสือญี่ปุ่นหยุดกดดันไทยแก้ปัญหามาบตาพุด

นายสุทธิ อัชฌาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก นำชาวบ้านมาบตาพุดและชุมชนใกล้เคียงจังหวัดระยอง ประมาณ 60 คน ยื่นหนังสือให้ตัวแทนสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เพื่อขอให้เลิกกดดันรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหามลพิษที่มาบตาพุดให้เสร็จภาย ใน 5 เดือน

นายสุทธิ ระบุว่าบริษัทญี่ปุ่น และหอการค้าญี่ปุ่น (เจซีซี) รวมถึงองค์การส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (เจโทร) กดดันให้รัฐบาลไทยเร่งแก้ไขปัญหามาบตาพุด เพราะกังวลถึงผลกำไรไม่คำนึงถึงอำนาจนิติบัญญัติและอำนาจตุลาการของไทย ซึ่งกรณีศาลปกครองกลางระยองสั่งให้ระงับโครงการลงทุนมาบตาพุด 76 โครงการ ญี่ปุ่นกลับพยายามกดดันให้ไทยแก้ไขปัญหาภายใน 5 เดือน ซึ่งผิดปกติอย่างมากที่ญี่ปุ่นเคยประสบโรคที่เกิดจากอุตสาหกรรม คือ โรคมินามาตะ แสดงให้เห็นว่าการพัฒนาอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ญี่ปุ่นเข้าใจดี และ 20 ปีก็แก้ไขปัญหาไม่ได้ไทยก็ไม่ต้องการให้มีปัญหาดังกล่าวเช่นกัน เหตุผลใดเจโทรจึงกดดันให้แก้ไขปัญหาเพียง 5 เดือน ซึ่งระยะเวลาเท่านี้ไม่สามารถทำได้แน่ การย้ายฐานลงทุนอุตสาหกรรมไม่สะอาดเข้ามาในไทยได้ไม่คุ้มเสีย จึงต้องการให้ญี่ปุ่นทบทวนปัญหาของตัวเองที่รู้ว่าแก้ไม่ได้แล้วย้ายมาอยู่ ไทย ย่อมรู้ดีว่าจะเกิดปัญหากับคนไทยและเกิดจริงที่มาบตาพุด จนนำไปสู่การร้องเรียนให้กำหนดเขตมลพิษพิเศษที่มาบตาพุด รวมถึงการร้องต่อศาลปกครองกลางระยอง เพื่อให้โรงงานอุตสาหกรรมในมาบตาพุดปฏิบัติตามมาตรา 67 วรรค 2 ที่มีข้อกำหนดให้การลงทุนไม่เป็นปัญหากับคนไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออกสำเนาข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลญี่ปุ่นที่ยื่น ผ่านสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยไปให้เจโทร เจซีซี และกระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรม (METI) โดยทางเครือข่ายฯ ระบุว่าถ้าไม่เลิกกดดันจะมาประท้วงมากกว่านี้อีก