การลงทุนกับ Fund Flow (ตอน 2)

บทความเดิมครั้งก่อน ลูกหมูให้นักลงทุนเฝ้าดูค่าเงินบาท เพราะจะได้ติดตามการเคลื่อนไหวของ Fund Flow ได้อีกทางหนึ่ง นักลงทุนที่รักก็มีคำถามว่า Fund Flow เข้ามาลงทุนในประเทศไทย เขาลงทุนอะไรกัน และ ยาวนานขนาดไหน บอกตรง : การลงทุนมี 2 แบบ คือ

1. แบบเก็งกำไร (Speculate ) เป็นการลงทุนระยะสั้น หมุนเวียนเร็ว มุ่งเน้นการลงทุนที่มีราคาถูก สภาพคล่องสูง ให้ผลตอบแทนที่รวดเร็ว ได้แก่ หุ้น, กองทุนหุ้นหรือกองทุนอื่นๆ และพันธบัตรระยะสั้น เป็นต้น เราเรียกว่า “มาไวไปไว เหมือนกิ๊ก” เป็นแค่ที่พักใจ

2. แบบลงทุนระยะยาว (Long Term Investment) เป็นการลงทุนระยะยาวมากว่า 1 ปี มุ่งเน้นตัวบริษัท ดูงบการเงินอย่างละเอียด เลือกลงทุนในกิจการที่มีแนวโน้มระยะยาวดีเยี่ยม การแข่งขันต่ำ ที่สำคัญราคาถูก สภาพคล่องสูง ให้ผลตอบแทนสูง ไม่สนใจราคาจะขึ้นหรือลง แต่กลัวอย่างเดียวเรื่องมาตราการรัฐ และการเมือง ต้องบอกว่า ถ้าเจอ Fund Flow แบบนี้ ตลาดหุ้นบ้านเราจะขึ้นประมาณ 1-2 ปี งานนี้กำไรเกิน 10% เราเรียกว่า “ รักหนักแน่นแบบเบิร์ดเบิร์ด”

บอกตรงๆๆ เราชาวนักลงทุน เดาใจฝรั่งไม่ออก รู้อย่างเดียวเงินล้น เศรษฐกิจทั่วโลกไม่ดี หันไปหันมาประเทศไหนที่ดูดีสุดและราคาหุ้นถูก (ดูจาก PE ต่ำ) ก็ทำให้ Fund Flow เข้ามาหากำไร ดูได้จากรูปภาพด้านล่าง

อ้าว!! เมื่อฝรั่งเข้ามา ราคาหุ้นแพงขึ้น มีสัญญาณอะไรบอกเหตุ ว่าเงินไหลออกบ้างมั้ย จะได้หนีก่อนไม่ต้องเตรียมสุมไฟ เพราะบนดอยหนาวมากๆๆ อิอิ

1.ค่าเงินบาทยิ่งแข็ง ยิ่งต้องดู เมื่อค่าเงินบาทเริ่มอ่อน อาจเป็นลางบอกเหตุว่า เงินออก

2.อัตราดอกเบี้ยยิ่งต่ำ ยิ่งหนาว ประเทศไหนเริ่มขึ้นดอกเบี้ย เงินจะไหลไปที่ได้ประโยชน์กว่า

3.อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลต่ำ ยิ่งเสียว เมื่อไหร่เริ่มสูงขึ้น นั่นหมายถึงแย่งขายพันธบัตร โยกเงินออก

4.การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

5. มาตราการต่างๆของรัฐ ที่ฝรั่งกลัว

6. เศรษฐกิจในประเทศแย่กว่า เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน

7. ฝรั่งมักซื้อหุ้นใหญ่ และไล่ราคาทำ NEW HIGH จนทำให้นักลงทุนมั่นใจ และโลภ ตามไปซื้อด้วย

8. จากนั้นทยอยขาย และดันราคาขึ้นไปใหม่ แต่ไม่ทำ NEW HIGH อีกแล้ว เป็นช่วงปล่อยของ หรือ อีกวิธีหนึ่ง เทขายอย่างรุนแรง ทำให้เราไม่ทันตั้งตัว ต้องร้องเพลง “ขอเวลาตั้งตัว” ของเจ๊มาช่านะจร้า

9. Fund Flow บางครั้งมาเพื่อ “พักเงิน” และคอยหาจังหวะเพื่อลงทุนประเทศที่มี PE ต่ำ นักลงทุนต้องคอยสังเกตว่า PE ตลาดหุ้นไทยอยู่ที่เท่าไหร่ ถ้าสูงถึงประมาณ 15-19 เท่า อาจจะมีแรงเทขาย โปรดระวัง!!! (ข้อมูลนี้สามารถหาได้จากบทวิเคราะห์ของ Broker)

แบบนี้งานงอก เงินงอก รากงอก แต่ขออย่าปอกลอกละกัน โชคดีนะคะ

ผู้เขียน : นฤมล บุญสนอง CFP®
รองกรรมการผู้จัดการ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) จำกัด และ วิทยากรตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย