หลักในการเลือกและวางแผนประกัน ฉบับเข้าใจง่าย

หลักในการเลือกและวางแผนประกัน ฉบับเข้าใจง่าย

หลักในการเลือกและวางแผนประกัน ฉบับเข้าใจง่าย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลายคนคงเคยพบกับประสบการณ์ที่พนักงานมาเสนอขายประกันกันบ้างแล้ว ไม่มากก็น้อย และเชื่อว่าหลายๆคนได้ปฏิเสธมากกว่าตัดสินใจซื้อ เหตุผลเป็นเพราะ ซื้อไว้แล้ว ไม่พร้อมเรื่องการเงิน หรือยังไม่เข้าใจ ยังไม่เห็นความจำเป็นหรือประโยชน์ของการทำประกัน ประกันภัยนับเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะคนที่มีการวางแผนการเงิน เรื่องของการประกันภัย นับเป็นสิ่งจำเป็นต้องมีในการวางแผนการเงินส่วนบุคคล เพราะการทำประกัน ถือเป็นการป้องกันความเสี่ยง และช่วยป้องกันรักษาเงินของเราไว้ได้ด้วย


ประกันภัยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ การประกันชีวิต และการประกันวินาศภัย การประกันชีวิตคือ การประกันต่อความสูญเสียของบุคคลหรือกลุ่มบุคคล โดยบริษัทประกันภัยสัญญาว่าจะชดเชยเมื่อมีการเสียชีวิต นอกจากนี้ยังมีการคุ้มครองอื่นๆเพิ่มเติมด้วยเช่น การประกันอุบัติเหตุ การประกันสุขภาพ การประกันเกี่ยวกับการสูญเสียอวัยวะ เป็นต้น การประกันวินาศภัย คือภัยที่เกิดกับทรัพย์สิน เช่น ประกันอัคคีภัย ประกันภัยทางทะเล ประกันภัยรถยนต์ และประกันเบ็ดเตล็ด


หลักเกี่ยวกับประกันภัยง่ายๆคือ เรายอมเสียเงินหรือเบี้ยประกันเป็นเงินก้อนเล็ก เพื่อแลกกับความเสี่ยงที่จะเกิดการสูญเสีย และอาจทำให้เกิดการเสียเงินก้อนใหญ่ ในปัจจุบันมีแบบแผนประกันออกมามากมาย เพื่อตอบสนองต่อกลุ่มคนหลายระดับ หลายรูปแบบการดำเนินชีวิต จนบางครั้งคนซื้อประกันสับสน ไม่รู้จะเลือกแบบไหนดี ให้ยึดหลักในการเลือกและวางแผนประกันดังนี้


ข้อหนึ่ง ต้องรู้จุดประสงค์ ว่า เราต้องการประกันอะไร แล้วเลือกประเภทประกันให้ตรงกับความต้องการ

ข้อสอง ต้องรู้จำนวนเงินหรือวงเงินที่เราจะทำประกัน ถ้าเรามีเงินน้อยแล้วไปเลือกแบบประกันที่ต้องจ่ายเบี้ยมากๆ ก็จะทำให้แผนการเงินในส่วนอื่นเสียสมดุลไป ดังนั้นต้องดูว่าเราจ่ายไหว จ่ายสบายๆที่วงเงินเท่าไหร่ ก็เลือกแบบนั้น เพราะถ้าจ่ายไม่ไหว สุดท้ายเราจะผิดสัญญาการประกัน และได้รับผลประโยชน์ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยกับเบี้ยประกันที่เสียไป

ข้อสาม ต้องรู้ขอบข่ายที่ต้องการประกัน ว่าจะให้ประกันครอบคลุมและคุ้มครองส่วนไหนบ้าง เลือกให้เหมาะสมและคุ้มค่ากับเบี้ยประกัน

ข้อสี่ ต้องรู้ระยะเวลาที่ต้องการการคุ้มครอง จะระยะสั้นหรือระยะยาว ขึ้นกับประเภทของการประกันนั้นด้วย เช่นประกันภัยรถยนต์ ก็เป็นปีต่อปี ประกันชีวิตก็ยาวหน่อย 5 ปี 10 ปี 15 ปี เป็นต้น

ข้อห้า ต้องรู้รูปแบบการประกันที่ตอบสนองความต้องการและวัตถุประสงค์ของเรา ข้อนี้พนักงานขายประกันจะรู้ดีที่สุด เพียงเราบอกความต้องการของเรา พนักงานก็จะสามารถจัดรูปแบบให้เราได้ เพราะปัจจุบันรูปแบบและประเภทของประกันมียิบย่อยเต็มไปหมดและทุกช่วงอายุ การรู้ความต้องการของตัวเองเสียก่อน แล้วจึงไปเลือกจากพนักงานขายประกันเป็นวิธีที่ง่าย เร็ว และตรงที่สุด

เมื่อเราได้วางแผนประกันเสร็จแล้ว หรือรู้แล้วว่าเราจะทำประกันอะไรบ้าง ขั้นต่อไปคือการซื้อประกัน เราสามารถซื้อประกันกับบริษัทประกันภัยที่มีมากมายเต็มไปหมด แล้วจะเลือกทำประกันกับบริษัทไหนดี การเลือกบริษัทประกันมีแนวทางการตัดสินใจดังนี้

หนึ่ง เลือกบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียง เพราะการทำประกันเป็นเรื่องของสัญญา เป็นเรื่องของอนาคต บริษัทที่ดีจำเป็นต้องมีความน่าเชื่อถือและมีความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า

สอง เลือกบริษัทที่อำนวยความสะดวกและบริการลูกค้าอย่างดีเยี่ยม บางครั้งเราไม่ค่อยมีเวลาและไม่สะดวก พนักงานของบริษัทประกันจะต้องสามารถดูแลเราได้ และจัดการอำนวยความสะดวกให้ ไม่ใช่พอมีเรื่องราว ก็ให้เราวิ่งไปยื่นเรื่องเอง ไปขอเบิกรับผลประโยชน์เอง ควรมีพนักงานอำนวยความสะดวกให้เราตรงนี้

สาม เลือกบริษัทที่รักษาผลประโยชน์ให้เราก่อน แน่นอนว่าเราไม่สามารถรู้รายละเอียดเกี่ยวกับประกันทั้งหมด บางอย่างเราสามารถเบิกค่าชดเชยได้ แต่เราไม่รู้ พนักงานก็ควรจะแจ้งให้เราได้รับผลประโยชน์นั้น ไม่ใช่ปิดบังเพื่อที่บริษัทจะได้ไม่ต้องจ่าย เราก็จะเสียผลประโยชน์


เมื่อวางแผนเสร็จแล้ว เลือกบริษัทที่จะซื้อประกันได้แล้ว ก็ต้องลงมือทำ และต้องไม่ลืมว่า เมื่อซื้อประกันแล้ว วงเงินนั้นต้องเหมาะสมกับความสามารถในการชำระเบี้ยประกัน เพราะถ้าเราผิดนัดชำระอาจเป็นเหตุให้บริษัทยกเลิกกรมธรรม์หรือยกเลิกสัญญาและไม่คืนเงินที่ชำระไปบางส่วนแล้ว ก็จะทำให้เงินก้อนนั้นสูญเปล่า แทนที่เราจะใช้เงินนั้นให้เกิดประโยชน์ กลับต้องมาเสียไปฟรีๆ ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นเลยจริงๆ อุตส่าห์นั่งวางแผนเสียดิบดี อย่าให้พลาดเพราะจ่ายเงินไม่ครบ กลบไม่เบี้ยไม่ได้ ปวดใจแท้

สนับสนุนเนื้อหาโดย MoneyHub

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook