เสน่ห์ “ทองหล่อ” ดึงดูดครอบครัวเศรษฐีไทยและชาวต่างชาติ
ไม่เพียงได้ชื่อเป็นทำเลฮอตตลอดกาล ทองหล่อยังเป็นทำเลที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของกลุ่มครอบครัวและนักลงทุน ด้วยลักษณะเฉพาะตัวของโลเคชั่นที่ไม่เหมือนกับย่านอื่นๆ เพราะแม้ถนนหลักของทองหล่อจะจอแจ แต่ซอยย่อยของทองหล่อกลับค่อนข้างให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวมาก เพราะบ้านเดี่ยวในย่านนี้จะเป็นที่ดินขนาดใหญ่โดยเฉลี่ย 200 – 400 ตารางวา มักเป็นที่ดินมรดกตกทอดที่อยู่อาศัยรวมกันหลายเจเนอเรชั่นในรูปแบบครอบครัวขยายปลูกบ้านเพิ่มในรั้วเดียวกัน อีกทั้งยังเป็นย่านดึงดูดชาวต่างชาติที่มาทำงานในประเทศไทย (Expat) ที่ย้ายมาทั้งครอบครัว การลงทุนในย่านนี้จึงสร้างผลตอบแทนได้อย่างมหาศาลในระยะยาว
เหตุใดครอบครัวมหาเศรษฐีเมืองไทย และครอบครัวชาวต่างชาติ จึงรัก หลงใหล ในทำเลนี้?
1. ศูนย์กลาง “โรงเรียน โรงพยาบาล คอมมูนิตี้มอลล์” รองรับครอบครัวยุคใหม่
เมื่อประกอบกับลักษณะของกลุ่มคนที่อยู่อาศัยและศักยภาพความเป็นทำเลใจกลางเมือง จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ย่านทองหล่อ รายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้ง โรงเรียน โรงพยาบาล คอมมูนิตี้มอลล์ เพื่อรองรับผู้อยู่อาศัยกลุ่มครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลอย่าง โรงพยาบาลสมิติเวช และยังมีโรงเรียนชั้นนำ อาทิ Ekamai International School, Bangkok International Preparatory & Secondary School (BangkokPrep), The Early Learning Centre International School และอีกมากมาย
โดยเฉพาะการผุดขึ้นของคอมมูนิตี้มอลล์ที่เป็นเอกลักษณะเฉพาะของย่าน ซึ่งเป็นรูปแบบการช้อปปิ้งที่เข้าถึงวิถีชีวิตของกลุ่มครอบครัวได้เป็นอย่างดี เนื่องจากไม่พลุกพล่านจนเกินไป แต่ให้ความรู้สึกโคซี่ เป็นส่วนตัวกว่า
ยกตัวอย่างคอมมูนิตี้ที่มีชื่อเสียงที่สุดในย่านทองหล่อและถือเป็นคอมมูนิตี้เจ้าแรกๆ ของเมืองไทยอย่าง J Avenue ที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่และน้ำพุตัดกับบรรยากาศแสนวุ่นวายของรถยนต์และผู้คนบนถนนทองหล่อ ก็เป็นอีกจุดนัดพบและแหล่งพักผ่อนสุดฮอตของคนรุ่นใหม่และชาวต่างชาติบนทำเลนี้ อีกทั้งยังมีคอมมูนิตี้อื่นๆ อีกหลายแห่งที่มีลักษณะคล้ายๆ กัน แต่ต่างกันไปด้วย Concept เกิดขึ้นอีกมากมาย อาทิ 72 Courtyard อยู่ระหว่างซอยทองหล่อ 16 และ 18 ที่สมชื่อด้วยลานกว้างและต้นไม้ใบหญ้าด้านหน้า, The Commons ทองหล่อซอย 17 กับคอนเซ็ปต์สไตล์ลอฟท์ที่เหมาะกับการใช้วันหยุดแบบชิลล์ๆสบายๆ เดินเล่น ช้อปปิ้ง กินดื่ม ในบรรยากาศกลางต้นไม้สีเขียว ให้ความรู้สึกสดชื่นผ่อนคลายจากเมืองแสนวุ่นวาย
จากการรวมตัวของคอมมูนิตี้มอลล์เหล่านี้เอง องค์ประกอบที่ตามมาก็คือร้านอาหาร ร้านกาแฟ และคาเฟ่ต่างๆ ที่มีมากมาย ส่งให้ย่านทองหล่อ กลายเป็นศูนย์รวมร้านอาหารมากมายที่อาจกล่าวได้ว่ามีอาหารแทบทุกประเภทและทุกชาติ ไม่ว่าจะเป็นไทยต้นตำรับ, อิตาเลี่ยน, เกาหลี, ญี่ปุ่น ที่แต่ละร้านต่างก็มีคอนเซ็ปต์และการตกแต่งที่แตกต่างกัน อาทิ El Gaucho ทองหล่อซอย 8, Kappo Hanako ทองหล่อ 13, Surface ทองหล่อ 11, คั่วกลิ้ง + ผักสด ทองหล่อ ซอย 15, Cafe d’La Fleur ที่ตั้งอยู่ที่ตึกฟิฟตี้ฟอฟท์พลาซ่า ซอยทองหล่อ 2, Cheesecake House & Restaurant ทองหล่อ 20, นารา เอท ทองหล่อ และ Creps & Co ที่ตั้งบนอาคาร Eight Thong Lo, Audrey cafe’ & Bistro ทองหล่อ 11, Secret Garden ทองหล่อซอย 5 และแซ่บอีลี่ ทองหล่อซอย 10 เป็นต้น ซึ่งร้านอาหารเหล่านี้ได้กลายเป็นแหล่งนัดพบของสมาชิกในครอบครัวที่มักรวมกลุ่มกันออกมาใช้เวลาด้วยกันในช่วงมื้อค่ำ หรือวันหยุดสุดสัปดาห์ ไปจนถึงสตรีทฟู้ดข้างทางที่มีให้เลือกอร่อยในราคาเบาๆ ทั้งกลางวันและกลางคืน
“The COMMONS”
ขอบคุณภาพประกอบจาก www.facebook.com/thecommonsbkk
นอกเหนือจากการเป็นศูนย์รวมร้านอาหารนานาชาติแล้ว ทองหล่อยังมีลักษณะพิเศษที่รวมสิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน ชนิดว่าไม่ต้องออกจากย่านก็สามารถตอบโจทย์ครบจบทุกการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็น ซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งวิลล่ามาร์เก็ต, ท็อป, ธนาคารที่มีเกือบทุกค่าย, ร้านดอกไม้, ร้านเสื้อผ้าเด็ก, ร้านสินค้าแฟชั่นที่มีให้เลือกทุกแบบทุกสไตล์ตามหัวถนน, ร้านซักรีด, ร้านเฟอร์นิเจอร์, ฟิตเนส, โยคะ สตูดิโอ ไปจนถึงสถานเสริมความงามตั้งแต่หัวจรดเท้า
ความพิเศษอีกด้านหนึ่งของทองหล่อคือ การเป็นแหล่งรวมกิจกรรมของทุกคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมของเด็กๆในคอมมูนิตีมอลล์สุดชิคอย่าง The Common ที่มีโซน play yard ที่มีกิจกรรมและ Workshop มากมาย เช่น The little Pea กิจกรรมสันทนาการด้านดนตรีและศิลปะสำหรับคุณหนูหรือจะเป็น Absolute You โยคะและพิลาทิสชื่อดังจาก Absolute Yoga เอาใจคนรักสุขภาพ นอกจากนี้ยังมีสโมสรทางกีฬาอย่าง RSM academy โรงเรียนสอนมวยไทยชื่อดัง ที่เปิดสอนมวยไทยให้สาวๆ เป็นที่แรกๆ และ Racquet Club สโมสรกีฬาที่รวมกีฬาไว้อย่างครบครันในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นปีนผา, ฟิตเนส, สระว่ายน้ำ, สนามแบทมินตัน ฯลฯ และด้วยองค์ประกอบเหล่านี้ ไม่น่าแปลกใจที่ทำเลทองหล่อ เป็นย่านไลฟ์สไตล์ที่จับทุกจังหวะชีวิตของการอยู่อาศัยของคนในครอบครัวยุคใหม่
“The COMMONS”
ขอบคุณภาพประกอบจาก www.facebook.com/thecommonsbkk
“The COMMONS”
ขอบคุณภาพประกอบจาก www.facebook.com/thecommonsbkk
2. “ทองหล่อ” ย่านแห่งความน่าลงทุน
นอกจากทองหล่อจะเป็นทำเลที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยแล้ว หากกล่าวถึงด้านความน่าลงทุน ก็ไม่แพ้ย่านเศรษฐกิจอย่างสีลม-สาทรเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการซื้อไว้เพื่อปล่อยเช่า ทองหล่อถือเป็นทำเลทองคำตามชื่อเรียก เพราะนอกจากจะมีค่าเช่าที่สูงแล้ว ผู้เช่าอย่างชาวต่างชาติและชาวญี่ปุ่นก็ถือว่าเป็นผู้เช่าที่มีคุณภาพอีกด้วย ซึ่ง TerraBKK Research จะขอไปสำรวจภาพรวมของสถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ในย่านทองหล่อ หรือ ซอยสุขุมวิท 55 เพื่อให้ทุกท่านได้เห็นภาพของทองหล่อได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ราคาประเมินที่ดินย่านทองหล่อ (สุขุมวิท 55) เพิ่มขึ้นสูงกว่า 50% ต่อปี
จากการสำรวจราคาประเมินที่ดินในย่านทองหล่อหรือซอยสุขุมวิท 55 ของกรมธนารักษ์ พบว่าในแต่ละช่วงปีที่ประเมิน ราคาประเมินเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 50% ต่อปี ซึ่งถือว่าเติบโตสูงกว่าสีลม-สาทร ที่มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 33% ต่อปี แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการใช้ประโยชน์ที่ดิน เพราะนับวันที่ดินเปล่าในย่านทองหล่อเริ่มหายากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ต่อไปในอนาคตเราจะได้เห็นโครงการใหญ่ๆในเส้นทองหล่อหรือซอยสุขุมวิท 55 น้อยลง
การเปลี่ยนแปลงของราคาคอนโดมิเนียม เติบโตสูงถึง 5-10% ต่อปี
เมื่อย้อนมาดูการเปลี่ยนแปลงของราคาคอนโดมิเนียมมือสองที่ขายกันในตลาด พบว่ามีการเติบโตสูงถึง 5-10% ต่อปี เนื่องจากทองหล่อเป็นทำเลที่ไม่ค่อยมีโครงการเด่นๆเปิดตัวขึ้นมากนัก หรือหากเปิดแต่ละครั้งก็เปิดในจำนวนห้องที่น้อย และมักจะมีการจับจองกันอย่างรวดเร็ว และที่น่าสนใจคือ โครงการที่ยิ่ง Exclusive มากเท่าไหร่ ก็แทบจะไม่มีห้องมือสองหลุดมาในตลาดการซื้อ-ขายในแต่ละปีมักจะอยู่ในตลาดของคอนโดมิเนียมมือสอง ส่งผลให้มีการเพิ่มขึ้นของราคาคอนโดรีเซลที่เติบโตกว่า 5-10% ต่อปี
การปล่อยเช่าที่ได้ผลตอบแทน 5-7% ต่อปี และเป็นแหล่งรวมผู้เช่าระดับ A+++
หากพูดถึงกลุ่มผู้เช่าในฝันของนักลงทุนอสังหาฯแล้ว คงหนีไม่พ้นชาวญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นกลุ่มลูกค้าระดับเกรด A+++ที่มีคุณสมบัติผู้เช่าที่ดีครบทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการตรงต่อเวลา การรักษาความสะอาดที่ดีเยี่ยม แนะนำเพื่อนต่อเมื่อตนย้ายออก เรียกได้ว่าเป็นกลุ่มลูกค้าในอุดมคติของใครหลายๆคน และ “ทองหล่อ” ก็เป็นทำเลอันดับ 1 ที่ขึ้นชื่อในเรื่องผู้เช่าญี่ปุ่น ด้วยทำเลที่อุดมไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารสำหรับชาวญี่ปุ่น ศูนย์การค้าและซูเปอร์มาร์เกตที่รองรับชาวญี่ปุ่นโดยเฉพาะ เรียกได้ว่าเป็น Japanese Town ที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพมหานครเลยทีเดียว “ทองหล่อ” จึงถือว่าเป็นทำเลทองที่แท้จริงสำหรับนักลงทุนปล่อยเช่า ที่ต้องการหาผู้เช่าเกรด A อย่างชาวญี่ปุ่นและต่างชาติ
เมื่อทีมงานได้สำรวจคอนโดมิเนียมที่นำมาปล่อยเช่านั้น พบว่าในทำเลนี้ปล่อยเช่าในราคาประมาณ 35,000-68,000 บาทต่อเดือน และที่น่าสังเกตุคือห้องที่นำมาปล่อยเช่าส่วนใหญ่เป็นห้องในขนาด 50-100 ตารางเมตร ซึ่งเป็นขนาดห้องที่เป็นที่นิยมในหมู่ชาวต่างชาติและชาวญี่ปุ่นนั่นเอง และจะได้ผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าอยู่ที่ประมาณ 5-7% ต่อปี
*หมายเหตุ: ข้อมูลคอนโดมิเนียมมือสองที่มีการซื้อ-ขายในปัจจุบัน
3. โครงการคอนโดมิเนียมสุด Exclusive ที่มีอยู่อย่างจำกัด
แม้ทองหล่อจะเป็นทำเลพรีเมียมของสังคมไฮโซ และมีราคาคอนโดมิเนียมที่พุ่งสูงขึ้นทุกปีๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ดีมานต์ลดลงเลย เห็นได้จากราคาคอนโดมิเนียมที่เปิดตัวใหม่สูงขึ้นกว่า 15% ต่อปี และมีกระแสตอบรับที่ดีเสมอ สวนทางกับจำนวนห้องในโครงการเปิดใหม่ที่นับวันยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ โครงการแต่ละโครงการที่เปิดขึ้นมาในทำเลทองหล่อนี้ล้วนจำกัดไว้ไม่ถึงร้อยยูนิต เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวและสร้างความ Exclusive ให้กับโครงการอย่างแท้จริง
สำหรับจุดเด่นของคอนโดมิเนียมในย่านทองหล่อ คือคอนโดมิเนียมระดับ High-End บวกกับขนาดพื้นที่ห้องที่ใหญ่มากกว่า 100 ตร.ม. TerraBKK Research จึงขอพาทุกท่านย้อนรอยไปตั้งแต่ปี 2545จนถึงปัจจุบันว่ามีโครงการใดบ้างที่เปิดขึ้นมา และเป็นคอนโดมิเนียมที่รองรับเหล่ามหาเศรษฐีอย่างแท้จริง
ปี 2545 เดือนมีนาคม เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ บุกเบิกคอนโดมิเนียม High-End ในทองหล่อ ด้วยการเปิด “โครงการ Hampton” ด้วยราคาเริ่มต้น ตารางเมตรละ 75,000 บาท ด้วยจำนวนเพียง 73 ยูนิต ขนาด 162-232 ตร.ม.โครงการนี้ถือเป็นโครงการแรกของเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ที่เป็นโครงการระดับ High-End ซึ่งก็ประสบความสำเร็จด้วยดีสามารถปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว ปัจจุบันโครงการ Hampton มีราคา Resale ประมาณ 150,000-170,000 บาท/ตร.ม.ซึ่งถือว่า ราคาปรับตัวขึ้นมาเป็นเท่าตัว หรือประมาณ 9% ต่อปี
ทิ้งช่วงไปอีกกว่า 5 ปี ปี 2553 เดือนตุลาคม เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ กลับมาเล่นเซกเม้นท์เดิมกับทำเลทองหล่ออีกครั้ง กับ “โครงการ The Marvel Residence” คอนโด Low Rise และมีจำนวนยูนิตเพียง 9 ยูนิตเท่านั้นโดยมีขนาดห้องอยู่ที่ 256-486 ตร.ม. ด้วยราคาเริ่มต้น ตารางเมตรละ 170,000 บาทภายในโครงการเน้นความเป็นไพรเวทให้กับลูกบ้าน ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำ, ลิฟท์ส่วนตัว และที่จอดรถซึ่งก็คงจะไม่แปลกนักหากเหล่าไฮโซทองหล่อต่างจะจับจองโครงการนี้ไว้เป็นเจ้าของ
ปัจจุบันปี 2559 นี้ ได้เกิดโครงการระดับ High-End อีก 3-4 โครงการ ได้แก่ “โครงการ Tela Thong Lo” โครงการใหม่ล่าสุดจาก Gaysorn Property เปิดตัวในราคาเริ่มต้น ตารางเมตรละ 280,000 บาท และการเข้ามาของยักษ์ใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ “แสนสิริ” ที่เปิดโครงการใหม่ในปีนี้ อย่าง “The Monument Thong Lo” โดยมีขนาดห้อง 124.5-662 ตารางเมตร ประกอบไปด้วย 2 ห้องนอน, 3 ห้องนอน และ Penthouse และอีก 1 โครงการ บริเวณทองหล่อซอย 12 TerraBKK มองว่าการเข้ามาของยักษ์ใหญ่ในปีนี้ จะยิ่งช่วยกระตุ้นทองหล่อให้มีความคึกคักมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาเราไม่ค่อยได้เห็นผู้ประกอบการรายใหญ่ในทำเลนี้เท่าไหร่นัก
จึงกล่าวได้ว่า “ทองหล่อ” อาจจะมีโครงการใหม่ที่เปิดตัวไม่มากนัก ด้วยที่ดินที่เหลือน้อยเต็มที ทำให้โครงการใหม่ในอนาคตเริ่มย้ายไปยังฝั่งสุขุมวิทซอยเลขคู่ ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์ไม่เท่าฝั่งเลขคี่ เราจะไม่ได้เห็นการเปิดตัวในทองหล่อแบบนี้บ่อยครั้งนัก อีกทั้งแต่ละโครงการมีจำนวนยูนิตที่จำกัด ทำให้โครงการในปัจจุบันถือเป็นโครงการสุด Exclusive ที่แท้จริง
บทความโดย : TerraBKK คลังความรู้