กินเจ สบายกระเป๋า เขาทำกันยังไง

กินเจ สบายกระเป๋า เขาทำกันยังไง

กินเจ สบายกระเป๋า เขาทำกันยังไง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สำหรับปี 2559 เทศกาลกินเจใกล้จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว โดยปีนี้จะอยู่ในช่วงวันที่ 1 - 9 ตุลาคม ซึ่งจะเห็นได้ว่าในทุกๆปีจะมีพ่อค้าแม่ค้านำอาหารเจมาขายกันอย่างคึกคักเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่ต้องการจะกินเจในช่วงนี้


ด้วยความต้องการในการบริโภคที่สูงขึ้น ทำให้มีการขึ้นราคาผักสดซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของอาหารเจกันใหญ่ แถมอาหารเจที่ทำสำเร็จแล้วยังขายในราคาที่สูงขึ้นกว่าปกติด้วย แต่ก็ยังขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเพราะคนพร้อมที่จะจ่ายเพื่อเข้าร่วมเทศกาล

ถึงอย่างนั้น การใช้จ่ายเงินเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในเทศกาลกินเจอาจทำให้กระเป๋าเงินของคุณเบาหวิวลงอย่างรวดเร็ว และเพื่อเป็นการเซฟตัวเอง เราจะทำยังไงให้กินเจอย่าง สบายกระเป๋า มาดูกันเลยค่ะ


1. กินอาหารเจไทยๆ ดีกว่า

ยกตัวอย่างเช่น ทำผัดบวบ ผัดผักกระเฉด ย่างกฐินริมริ้ว มะเขือหั่น แล้วกินกับน้ำพริกเจ หรือจะเอาเห็ดไทยๆ มาลวกกินกับน้ำพริกก็อร่อยแซ่บถึงใจ แถมยังไม่แพงด้วยเพราะเป็นของท้องถิ่นที่หาซื้อได้ง่ายในราคาไม่สูงนัก เผลอๆ ยังได้มาฟรีๆ จากแถวบ้านอีกต่างหาก

และที่สำคัญ ถ้าเราทำอาหารเอง เราสามารถกำหนดปริมาณน้ำมันที่ใช้ไม่ให้มันเยอะเกินไปด้วย จะได้ไม่ต้องรับไขมันมากจนเกินไปในช่วงนี้ไงล่ะคะ

2. กินแต่พอดี

ด้วยความที่เทศกาลทานเจมีขึ้นเพียงปีละครั้งเท่านั้น ทำให้เวลาออกไปซื้อกับข้าวเจมากิน อะไรๆ ก็ล่อตาล่อใจไปหมด ผัดอันนี้ก็น่าทาน ของทอดอีกอันก็น่ากิน กลายเป็นว่าซื้อของกินมาเต็มไม้เต็มมือ จากเดิมที่กินข้าวมื้อนึงกับกับข้าวสองสามอย่าง กลายเป็นกินห้าอย่างในมื้อเดียว เสี่ยงน้ำหนักขึ้นเพราะกินเยอะเกินที่ร่างกายต้องการ แถมยังเปลืองเงินอีกด้วย

3. ไม่ซื้อเนื้อเก็บไว้ที่บ้าน

ก่อนจะเริ่มกินเจสักหนึ่งสัปดาห์ ให้คุณเคลียร์ของในตู้เย็นโดยการงดซื้อเนื้อสัตว์เข้าบ้าน เพราะถึงซื้อมาก็ไม่ได้กินอยู่ดีตั้งหลายวัน เกรงว่าจะเน่าเสียเปล่าๆ

ส่วนของที่ไม่เจที่เก็บไว้ในตู้เย็นที่บ้าน อย่าทิ้งนะคะ เสียดาย ให้แยกของกลุ่มนั้นออกจากของที่เป็นเจ พอช่วงเทศกาลกินเจมาถึงจะได้ไม่เผลอหยิบของไม่เจมาใช้ทำกับข้าวไงล่ะคะ

ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งที่สำคัญอย่างมากของการกินเจ คือการกินเพื่อจุดประสงค์ของมัน ซึ่งมีดังนี้ค่ะ

● กินเพื่อสุขภาพ

อาหารเจเป็นอาหารชีวิตจิต เมื่อเรากินติดต่อกันไปสักพักจะช่วยให้ร่างกายสามารถขับพิษของเสียต่างๆ ออกจากไปได้ดี ร่างกายมีภาวะสมดุล ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้ดีและลดความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วย

● กินด้วยจิตเมตตา

อาการที่เรากินในชีวิตประจำวันประกอบด้วยเลือดเนื้อของสัตว์ต่างๆ ผู้มีจิตเมตตาจึงไม่อาจกินเลือดเนื้อสัตว์เหล่านั้นได้เพราะสัตว์เหล่านั้นมีเลือดเนื้อ จิตใจ และรักตัวกลัวตายเหมือนกับคนเรา เป็นการไม่เบียดเบียนชีวิตอื่นๆ


● กินเพื่อเว้นกรรม

การกิน ซึ่งอาศัยการฆ่าเพื่อเอาเลือดเอาเนื้อผู้อื่นมากินเป็นของเรา นี่เป็นการสร้างเวรสร้างกรรม แม้เราจะไม่ได้เป็นผู้ลงมือฆ่าด้วยตัวเองก็ตาม การซื้อจากผู้อื่นก็เหมือนกับการจ้างฆ่าเพราะถ้าไม่มีคนกินก็ไม่มีคนฆ่าเอาเนื้อมาขาย อาหารเจทำให้ร่างกายเติบโตได้เหมือนกันโดยไม่ต้องเบียดเบียนสัตว์อื่น


การกินเจ งดเว้นเนื้อสัตว์ของคาว คือการปฏิบัติธรรม รักษาศีลของความเป็นมนุษย์ เป็นการเจริญมหาเมตตากรุณาธรรม อันจะนำมาซึ่งความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง และก่อให้เกิดสันติสุขแก่ทุกชีวิตบนโลก ดังนั้นเพื่อให้เกิดประโยชน์และผลบุญสูงสุด เราควรปฏิบัติตนโดยคำนึงถึงข้อห้ามต่างๆ ที่บัญญัติไว้เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติตัวในช่วงนี้ประกอบด้วยนะคะ


● งดเว้นเนื้อสัตว์ หรือทำอันตรายต่อสัตว์
● งด นม เนย หรือน้ำมันที่มาจากสัตว์
● งดอาหารรสจัด หมายถึง อาหารรสเผ็ดมาก เค็มมาก หวานมาก เปรี้ยวมาก
● งดผักกลิ่นฉุน 5 ชนิด คือ กระเทียม หัวหอม หลักเกียว กุยช่าย ใบยาสูบ รวมทั้งเครื่องเทศที่มีกลิ่นฉุน
● รักษาศีล 5
● รักษาจิตใจให้บริสุทธิ์ รักษาอารมณ์ให้คงที่
● ทำบุญ ทำทาน


พอทราบอย่างนี้แล้ว เราก็จะได้เป็นส่วนหนึ่งในเทศกาลกินเจอย่างสบายใจและมีเป้าหมายที่แน่วแน่ เพราะได้รู้ทั้งจุดประสงค์ ข้อดีของมัน และข้อปฏิบัติต่างๆ ที่ทำได้ไม่ยากเลย และจะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ “เจแตก” อย่างที่อาจเคยเกิดขึ้นมาก่อน และที่สำคัญ เราหวังว่าทุกคนจะประหยัดเงินได้มากขึ้นหลังจากที่ได้รู้วิธีการประหยัดเงินในช่วงเทศกาลกินเจนี้นะคะ

ขอบคุณข้อมูล จาก : www.Masii.co.th

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook