การยกเลิกบัตรเครดิต ก่อน 6 เดือน

การยกเลิกบัตรเครดิต ก่อน 6 เดือน

การยกเลิกบัตรเครดิต ก่อน 6 เดือน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันก่อนไปอ่านเจอในกระทู้เกี่ยวกับการยกเลิกบัตรเครดิตเห็นว่าน่าสนใจดี เลยนำมาเขียนไว้เพื่อเป็นความรู้ให้กับผู้อ่านกัน มีผู้สงสัยว่ากรณีเพิ่งสมัครบัตรได้บัตรเครดิตใบใหม่มาและยังไม่ได้เปิดใช้ บังเอิญจะต้องเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศ จึงคิดว่าอยากจะยกเลิกบัตรที่ไม่ได้ใช้นี้ให้เรียบร้อยก่อน จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องค่าธรรมเนียมตามมาทีหลัง แต่ทีนี้เซลล์ที่ขายบัตรขอให้ถือบัตรไว้อย่างต่ำ 6 เดือน ถ้าเรายังยืนยันที่จะยกเลิกจะมีผลอะไรหรือเปล่า


ทำไมต้อง 6 เดือน

เอาเรื่องที่เซลล์ขายบัตรเครดิตขอให้ถือบัตรไว้อย่างต่ำ 6 เดือนก่อนละกัน เรื่องนี้น่าจะเป็นเพราะธนาคารกำหนดเรื่องการจ่ายค่าคอมมิชชั่นจากการขายบัตรเครดิตไว้ว่าจะจ่ายค่าคอมมิชชั่นก็ต่อเมื่อลูกค้าจะต้องถือบัตรเครดิตใบนั้นอย่างต่ำ 6 เดือนขึ้นไป ซึ่งก็หมายความว่าหากลูกค้าขอยกเลิกบัตรเครดิตก่อน 6 เดือน เซลล์จะไม่ได้ค่าคอมมิชชั่นนั่นเอง เขาถึงขอให้ถือบัตรไว้ก่อนเป็นเวลา 6 เดือน

หากเจ้าของกระทู้จำเป็นต้องยกเลิกบัตรเพราะต้องเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศ ก็ควรยกเลิกให้เรียบร้อย โดยไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องค่าคอมมิชชั่นที่เซลล์เขาจะได้รับ หากต้องรอแล้วยกเลิกภายหลังเราไม่ได้อยู่ในประเทศแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการโทรเพื่อยกเลิกหรือการส่งจดหมายเพื่อขอยกเลิกก็จะทำได้ยากขึ้น ไม่สะดวกสำหรับเรา


ส่วนเรื่องหากเราขอยกเลิกไปแล้วเซลล์จะฟ้องร้องหรือทำอะไรกับเอกสารสมัครบัตรเครดิตของเราหรือไม่ ก็ต้องบอกว่าเรื่องฟ้องร้องไม่สามารถทำได้ เพราะเจ้าของบัตรมีสิทธิยกเลิกบัตรเครดิตที่ตัวเองสมัครอยู่แล้วและจะยกเลิกเมื่อไหร่ก็ได้ เซลล์อาจมีสิทธิไม่ชอบใจหรือโกรธแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เอกสารยื่นสมัครบัตรเครดิตก็ถือเป็นเอกสารสำคัญของลูกค้าที่ธนาคารต้องมีวิธีการจัดเก็บและมีขั้นตอนในการดำเนินการเรื่องเอกสารที่เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับลูกค้า ยกเว้นเรื่องว่าหากเราต้องการสมัครบัตรเครดิตใหม่หลังจากยกเลิกไปจะต้องรออีก 6 เดือน


ส่วนเรื่องค่าธรรมเนียมรายปีนั้นเจ้าของกระทู้เข้าใจถูกต้องแล้วว่า ถ้าถือบัตรเครดิตไว้โดยที่ไม่ใช้งานหรือไม่ได้เปิดใช้งานก็ตาม เมื่อถึงกำหนดครบปีหากเป็นบัตรเครดิตที่ไม่ได้ฟรีค่าธรรมเนียมตลอดชีพ ธนาคารก็จะคิดค่าธรรมเนียมรายปีแน่นอน ยิ่งหากไม่เคยใช้บัตรเครดิต ไม่มียอดใช้จ่ายเลยก็ไม่สามารถโทรขอยกเว้นค่าธรรมเนียมได้ด้วย บัตรก็ไม่ได้ใช้ สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ก็ไม่ได้รับ ค่าธรรมเนียมก็ต้องเสีย ไม่คุ้มค่า แบบนี้ขอยกเลิกไปเลยจะดีกว่า


ทีนี้เรามาดูขั้นตอนการขอยกเลิกบัตรเครดิตกัน ว่ามีช่องทางใดบ้างที่จะทำได้

• โทรยกเลิกกับ Call Center เราสามารถยกเลิกบัตรเครดิตได้โดยโทรติดต่อไปที่ Call Center ของธนาคารเจ้าของบัตรและแจ้งว่าต้องการยกเลิกบัตรเครดิต โดยให้เตรียมบอกเลขที่บัตรเครดิต พร้อมกับตอบคำถามของเจ้าหน้าที่ตามแต่ที่เขาจะถามมา เพื่อดูว่าเราเป็นเจ้าของบัตรตัวจริงหรือไม่ จากนั้นพนักงาน Call Center ก็จะแจ้งว่าบัตรเครดิตได้ถูกยกเลิกเรียบร้อยเมื่อวางสาย หากเป็นสมัยก่อนลูกค้าจะต้องส่งบัตรเครดิตคืนให้กับธนาคาร โดยตัดบัตรเครดิตให้ขาดออกเป็นสองท่อนหรือใช้ที่เจาะกระดาษเจาะบัตรให้เป็นรู แต่ปัจจุบันนี้ไม่ต้องแล้วเพียงแค่ตัดบัตรเครดิตออกเป็นสองท่อนหรือเจาะบัตรเพื่อให้มั่นใจว่าไม่สามารถใช้งานได้ก็ใช้ได้แล้ว


• ติดต่อยกเลิกที่เคาน์เตอร์ธนาคาร ลูกค้าสามารถติดต่อเพื่อขอยกเลิกบัตรเครดิตได้ที่เคาน์เตอร์ของธนาคาร โดยธนาคารจะให้กรอกข้อมูลเกี่ยวกับการขอยกเลิกบัตรเครดิตและเอกสารที่ต้องแนบเช่น สำเนาบัตรประชาชน หลังจากนั้นเคาน์เตอร์ธนาคารจะส่งเอกสารนั้นไปยังสำนักงานใหญ่เพื่อยกเลิกบัตรเครดิตให้กับลูกค้าต่อไป


• ส่งจดหมายลงทะเบียนเพื่อขอยกเลิก สำหรับผู้ไม่มั่นใจหากจะโทรยกเลิกกับ Call Center ก็สามารถส่งเป็นจดหมายลงทะเบียนเพื่อขอยกเลิกการใช้บัตรเครดิตส่งไปที่ธนาคารได้โดยตรง พร้อมกับสำเนาบัตรประชาชนที่เซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง โดยอาจส่งบัตรเครดิตใบที่ยกเลิกไปด้วยแต่ต้องทำลายบัตรให้เรียบร้อยก่อน


บางคนคิดว่าเราหยุดใช้บัตรหรือทำลายบัตรเองก็ถือเป็นการยกเลิกบัตรแล้ว ที่จริงแล้วควรต้องโทรไปแจ้งยกเลิกหรือส่งจดหมายเพื่อขอยกเลิกไปยังธนาคารเจ้าของบัตรด้วย เพื่อให้ทำการยกเลิกในระบบ หากไม่ได้ทำการยกเลิกในระบบ เมื่อถึงเวลาก็จะมีค่าธรรมเนียมรายปีโผล่มาให้เราตกใจได้หากอยากยกเลิกบัตรเครดิตจึงควรโทรติดต่อธนาคารโดยตรงจะดีที่สุด

ไม่เพียงแต่การติดต่อแจ้งยกเลิกกับธนาคารจะเพื่อความมั่นใจว่าบัตรเครดิตของเราจะถูกยกเลิกระบบแน่นอนเท่านั้น แต่การโทรติดต่อธนาคารเพื่อยกเลิกก็มีข้อดีคือ เจ้าหน้าที่จะช่วยเช็ครายละเอียดต่าง ๆ ที่อาจมีค้างอยู่กับบัตรเครดิตใบที่เร็วจะปิด ซึ่งบางอย่างก็เป็นประโยชน์สำหรับตัวเจ้าของบัตรเอง อย่างในกรณีที่ใช้บัตรมาเป็นเวลานาน มีคะแนนสะสมค้างอยู่ เจ้าหน้าที่ธนาคารก็จะแนะนำและแจ้งเรื่องคะแนนสะสมนี้ว่าให้แลกให้หมดก่อนที่จะปิดบัตร เป็นต้น


ไม่ว่าจะเป็นการยกเลิกบัตรเครดิตโดยการโทรแจ้งหรือส่งจดหมายแจ้ง หลังจากแจ้งยกเลิกไปแล้ว ประมาณ 2-3 วันให้ลองโทรเช็คกับธนาคารอีกครั้งว่าระบบได้ทำการยกเลิกบัตรเครดิตนั้นเรียบร้อยแล้วจริง ๆ หลังจากนั้นเอกสารที่แจ้งเรื่องสถานะในเครดิตบูโรที่ส่งมาเป็นประจำทุกปีก็จะส่งมาเหมือนเดิมโดยที่สถานะของบัตรเครดิตใบที่ถูกปิดไปจะบอกว่าเป็นสถานะปิดบัญชี เอกสารฉบับนี้เป็นเอกสารอีกอย่างที่จะสร้างความมั่นใจได้ในว่าบัตรเครดิตของเราได้ถูกปิดไปเรียบร้อยแล้วเช่นกัน

สนับสนุนเนื้อหาโดย MoneyHub

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook