คลัง แจงยิบ มาตรการแก้หนี้นอกระบบครบวงจร 5 มิติ

คลัง แจงยิบ มาตรการแก้หนี้นอกระบบครบวงจร 5 มิติ

คลัง แจงยิบ มาตรการแก้หนี้นอกระบบครบวงจร 5 มิติ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คลัง แจง ครม.คลอดมาตรการแก้หนี้นอกระบบครบวงจร 5 มิติ ดึงเจ้าหนี้นอกระบบไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ ห้ามคิดดอกเบี้ยเกิน 15 % ต่อปี เปิดให้เจ้าหนี้นอกระบบจดทะเบียนเป็นนาโนไฟแนนซ์ และ พิโกไฟแนนซ์ พร้อมเร่งบังคับใช้กฎหมายห้ามคิดดอกเบี้ยเกินอัตรากำหนด ส่วนลูกหนี้เปิดโอกาสให้เข้าถึงสินเชื่อง่ายขึ้น เจรจาลดภาระลดหนี้ พร้อมหนุนสินเชื่อใหม่รายที่มีศักยภาย    

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2559 ได้ให้ความเห็นชอบเรื่องการบริหารงานเพื่อการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการและยั่งยืน ที่กระทรวงการคลังเสนอ ภายใต้หลักการที่จะบริหารจัดการปัญหา หนี้นอกระบบด้านลูกหนี้และด้านเจ้าหนี้ควบคู่กันไปอย่างเป็นระบบ ครบวงจร และมีความต่อเนื่อง โดยกระทรวงการคลังจะมีการดำเนินการร่วมกับหน่วยงานภาคี ใน 5 มิติ ดังนี้

1. ดำเนินการอย่างจริงจังกับเจ้าหนี้นอกระบบที่ผิดกฎหมาย

1.1 ประชาสัมพันธ์ให้เจ้าหนี้นอกระบบเข้าร่วมไกล่เกลี่ยประนอมหนี้กับลูกหนี้ และคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมไม่เกินร้อยละ 15 ต่อปี

1.2 เปิดช่องทางให้เจ้าหนี้นอกระบบจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อย ทั้งสินเชื่อ ส่วนบุคคล (Personal Loan) สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ และสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์) ซึ่งเป็นสินเชื่อรายย่อยประเภทใหม่ภายใต้การกำกับของกระทรวงการคลัง โดยเจ้าหนี้นอกระบบที่จะประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ต้องเป็นนิติบุคคลที่มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท และมีคุณสมบัติอื่นเป็นไปตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขอื่นของกระทรวงการคลัง

1.3 เร่งรัดการบังคับใช้ร่างพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. .... ซึ่งจะมีการเพิ่มโทษสำหรับเจ้าหนี้นอกระบบที่เรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนดให้สูงขึ้น จากเดิมปรับไม่เกิน 1,000 บาทหรือจำคุก ไม่เกิน 1 ปี เป็นปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ และจะมีการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดอย่างเข้มงวด

2. เพิ่มช่องทางการเข้าถึงสินเชื่อในระบบ

2.1 กำหนดให้มีสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ เพื่อให้ประชาชนรายย่อยที่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายฉุกเฉินสามารถกู้ยืมเงินในระบบได้ง่ายและรวดเร็ว ในวงเงินไม่เกิน 50,000 บาทต่อราย คิดอัตราดอกเบี้ยรวมค่าบริการและค่าธรรมเนียมไม่เกินร้อยละ 36 ต่อปี โดยให้กู้ยืมทั้งแบบมีหรือไม่มีหลักประกัน

2.2 จะมีการจัดตั้งหน่วยธุรกิจ (Business Unit) ด้านการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ภายในธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และมีผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่มีเงื่อนไขผ่อนปรนกว่าปกติเพื่อช่วยเหลือแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบแก่ประชาชนโดยเฉพาะ

 

3. ลดภาระหนี้นอกระบบโดยการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้

จะมีจุดให้คำปรึกษาปัญหาหนี้นอกระบบ ณ สาขาของธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ทั่วประเทศเพื่อช่วยดูแลให้คำปรึกษาแก่ประชาชนในเบื้องต้น และช่วยนำลูกหนี้นอกระบบเข้าสู่กลไกการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ของคณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้นอกระบบใน 77 จังหวัด เพื่อให้เกิดมูลหนี้ที่เป็นธรรม ก่อนที่ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. จะได้พิจารณารีไฟแนนซ์สินเชื่อเข้าสู่ในระบบให้ตามศักยภาพของลูกหนี้แต่ละรายต่อไป

4. เพิ่มศักยภาพของลูกหนี้นอกระบบ ลูกหนี้นอกระบบที่ไม่มีศักยภาพในการชำระหนี้หรือมีความสามารถในการชำระหนี้ต่ำ จะได้รับการสนับสนุนฟื้นฟูอาชีพ ผ่านกลไกของคณะอนุกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการหารายได้ของลูกหนี้นอกระบบใน 77 จังหวัด โดยจะได้รับการปรับเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรม ปลูกฝังความรู้และวินัยทางการเงิน รวมถึงฝึกอบรมอาชีพหรือทักษะฝีมือแรงงานอย่างเข้มข้น ตลอดจนมีการติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้กลับไปเป็นหนี้นอกระบบอีก

5. สนับสนุนการดำเนินงานแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบของหน่วยงานภาครัฐและองค์กรการเงินชุมชนที่เกี่ยวข้อง

จะมีการส่งเสริมการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบผ่านเครือข่ายองค์กรการเงินชุมชนต่างๆ เผยแพร่ความรู้และทักษะเกี่ยวกับการบริหารจัดการทางการเงินส่วนบุคคลแก่ประชาชนฐานราก ประชาสัมพันธ์ช่องทางที่ประชาชนจะขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับปัญหาหนี้นอกระบบจากหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงสร้างและพัฒนาฐานข้อมูลเกี่ยวกับหนี้นอกระบบของประชาชนต่อไป

กระทรวงการคลังเล็งเห็นว่า แนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบดังกล่าว จะสามารถลดปัญหาเจ้าหนี้นอกระบบที่ผิดกฎหมาย ลูกหนี้นอกระบบได้รับการบรรเทาความเดือดร้อนและเพิ่มคุณภาพชีวิต รวมถึงประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงบริการการทางการเงินโดยง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมทั้งรู้จักบริหารจัดการทางการเงิน และตระหนักถึงภัยของหนี้นอกระบบ และในส่วนของหน่วยงานภาครัฐจะมีการประสานการทำงานที่ดีเพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนเรื่องหนี้นอกระบบให้กับประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตลอดจนภาครัฐจะมีฐานข้อมูลด้านหนี้นอกระบบเพื่อใช้ประโยชน์เชิงนโยบายต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook