ชาวนารุ่นใหม่ยันทำนาไม่จน-ต้องคิดใหม่ทำใหม่

ชาวนารุ่นใหม่ยันทำนาไม่จน-ต้องคิดใหม่ทำใหม่

ชาวนารุ่นใหม่ยันทำนาไม่จน-ต้องคิดใหม่ทำใหม่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“สิริมณี มณีท่าโพธิ์” ชาวนารุ่นใหม่ ต.ท่าตาล อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก ยืนยันทำนาไม่จน แต่ต้องคิดใหม่ทำใหม่

สิริมณี มณีท่าโพธิ์ ทายาทลูกหลานชาวนา บ้านทุ่งน้อย ต.ท่าตาล อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ที่บ้านก็ทำนาปลูกข้าวขาว เพื่อขายเป็นข้าวเปลือกให้กับโรงสี หรือ ท่าข้าว เหมือนชาวนาทั่วไป ต่อมามีนายทุนมาขายเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมนิล โดยสัญญาว่าเมื่อเก็บเกี่ยวแล้วจะมารับซื้อในราคากว่า 1 หมื่นบาท แต่ปรากฏว่าพอถึงเวลาไม่มารับซื้อตามสัญญา ทำให้ครอบครัวได้รับความเดือดร้อน ไม่มีเงินใช้จ่าย

จึงได้แก้ปัญหาด้วยการนำข้าวเปลือกหอมนิลมาสีขายเป็นข้าวสาร เริ่มจากเร่ขายไปตามที่ต่าง ๆ และใช้สื่อโซเชียลอย่างเฟซบุ๊ก เป็นช่องทางในการหาลูกค้า ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ตนเองจึงมองว่าตรงนี้เป็นช่องทางในการทำนาแบบใหม่ ที่ชาวนาสามารถกำหนดราคาขายได้ตามต้นทุนจริง คือ แทนที่จะขายเป็นข้าวเปลือก ก็นำมาสีเป็นข้าวสาร ขายถึงผู้บริโภคโดยตรง อีกทั้งยังปรับเปลี่ยนจากนาข้าวที่ใช้สารเคมี มาเป็นนาข้าวอินทรีย์ ลดต้นทุนการผลิตเพิ่มมูลค่าเป็น “ข้าวเพื่อสุขภาพ” ปลอดภัยทั้งชาวนา และผู้บริโภคข้าว

สิริมณี ได้พูดถึง ปัญหาราคาข้าวเปลือกตกต่ำ และมีชาวนาหลายคนที่ “ถอดใจ” ขายที่นาไม่ทำนาต่อว่า “อาชีพทำนาเป็นอาชีพดั้งเดิมของพ่อแม่ที่เราต้องสานต่อ เหมือนเป็นมรดกที่เราต้องรักษาไว้ แต่การรักษาของเราคือการพัฒนาให้ดีขึ้น พัฒนาอย่างไร ก่อนอื่นเราต้องมองข้อดีข้อเสียที่ก่อนและเปรียบเทียบ ที่ผ่านมาทำนาแล้วชีวิตการเป็นอยู่เราดีขึ้นหรือแย่ลง ถ้าแย่ลงเราควรเปลี่ยนวิธีคิด-คิดใหม่ทำใหม่

ยกตัวอย่าง การทำเกษตรแบบผสมผสานแทนการทำเกษตรเชิงเดี่ยว ทำนาเราไม่ได้เข้างาน 8 โมงเช้าเลิกงานห้าโมงเย็น มีระยะเวลาลงนาและช่วงว่าง ระหว่างนี้เราทำอะไรให้มีรายได้เพิ่มขึ้นมาอีกดี มีที่ว่างไหม ขุดบ่อ ขุดสระ เลี้ยงปลา คุณชอบทานปลาอะไร ลองศึกษา เรียนรู้ไปลองผิดลองถูก ไม่ดีทำใหม่ ทำซ้ำ ๆ จนมีประสบการณ์ และสามารถพลิกแพลง ตามความถนัด มีปลาแล้วยังมีเวลาเหลือ หาต้นไม้มาลงไหม เป็นพืชอายุสั้น ไม้ผลไปจนถึงไม้ยืนต้น ชีวิตคนเราไม่แน่นอน ต้นไม้ยังยืนยาวกว่าเรา ปลูกไว้ให้ลูกหลาน

“..คุณชอบกินอะไรก็ปลูกสิ่งนั้น เหลือจากกินก็แปรรูปขาย ถ้าไม่รู้จะไปขายที่ไหน ก็เริ่มจากคนในชุมชนของเราก่อน เมื่อคุณเห็นรายได้จากการทำเกษตรก้อนแรก คุณจะมีกำลังใจ มีพลังใจและมีความคิดต่อยอดไปอีกขั้น เกษตรไม่มีจน ขอแค่พอเพียง ถ้าทำได้ คุณจะเข้าใจคำว่าพอเพียง คือพออยู่ พอกิน พอใช้ ไม่เดือดร้อน ราคาข้าวตก บ้านเราก็ยังมีพืชผักผลไม้มีปลา มีบ้านอยู่ มีที่นอน มีข้าวกิน มีสุขภาพจิตดี สุขภาพกายก็ดีตาม หลายสิ่งหลายอย่างเรากำหนดเองได้ ถ้าเราตั้งใจจริง ศึกษาและลงมือทำ ลูกหลานชาวนาเก่ง ๆ กันอยู่แล้วเชื่อแบบนั้น กลับมาช่วยกันพัฒนาบ้านเราชุมชนเราให้น่าอยู่กันดีกว่า”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook